ในฐานะพ่อแม่น้องหมาอย่างเราก็สุขใจเมื่อได้เห็นเจ้าตูบของเรามีขนปุยยนุ่มและสุขภาพดี นอกจากเราจะดูแลขนให้สวยด้วยแชมพูและอาหารเสริมอย่างน้ำมันปลาแซลมอนด้วยแล้ว การดูแลรักษาขนหลังจากอาบน้ำก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือการเป่าขนน้องหมาให้แห้งนั่นเอง
วันนี้ NongPets ก็จะมาพูดถึงไดร์เป่าขนสุนัขที่เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเป่าขนน้องหมา เราจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของไดร์, ตารางเปรียบเทียบไดร์ขนสุนัขและไดร์เป่าผมธรรมดา, เทคนิคการเป่าขนน้องหมาให้ถูกวิธี และวิธีการเลือกซื้อไดร์เป่าขนสุนัข การเลือกใช้ไดร์เป่าขนสุนัขให้เหมาะสมกับน้องหมาของคุณนั้น ก็สามารถสร้างความแตกต่างในการดูแลรักษาขนได้มากขึ้น พร้อมทั้งประหยัดเวลาผู้เลี้ยงอีกด้วย
นอกจากนี้เราจะมารีวิวไดร์เป่าขนสุนัขทั้ง 5 ยี่ห้อที่เราได้คัดสรรมาให้ผู้อ่านได้พิจารณาซื้อไปใช้กับน้องหมาที่บ้านกัน จะมียี่ห้อไหนที่ถูกใจคุณบ้างนั้น มาดูกันเลย!
NongPets แนะนำ!
ไดร์เป่าขนสุนัขพลังเทอร์โบ แห้งไว ปลอดภัย |
|
||
ไดร์เป่าขนสุนัขขนาดพกพา ต้านเชื้อแบคทีเรีย |
|
||
ไดร์เป่าขนสุนัขปล่อยประจุลบ ดูแลขนสวย ต้านแบคทีเรีย |
|
รีวิว 5 ไดร์เป่าขนสุนัขที่ดีที่สุด
ในปัจจุบันคุณสามารถเลือกซื้อไดร์เป่าขนสุนัขได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นตามห้างร้านค้าต่างๆ หรือแม้แต่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งในวันนี้ NongPets ก็จะมารีวิวไดร์เป่าขนสุนัขทั้ง 5 ยี่ห้อที่เราได้คัดสรรมาให้คุณแล้ว โดยเราจะพิจารณาจากแรงลม, ระดับความร้อน, ระดับเสียง และคุณสมบัติพิเศษ จะมียี่ห้อไหนโดนใจคุณบ้างนั้น มาดูกัน!
1. ไดร์เป่าขนสุนัขพลังเทอร์โบ แห้งไว ปลอดภัย (฿฿)
รายละเอียดสินค้า
|
ไดร์เป่าขนพลังงานเทอร์โบ ลมแรง รับประกันความแห้งไว เหมาะมากกับน้องหมาตัวใหญ่และน้องหมาขนหนา แถมยังปลอดภัยใช้กับน้องหมาตัวเล็กได้อีกด้วย และคุณสมบัติเด่นของไดร์เป่าตัวนี้ก็คือ
- ลมแรง แห้งไว: ไดร์เป่ามีแรงลม 2,800 วัตต์ ช่วยทำให้แห้งเร็ว น้องหมาตัวใหญ่ใช้เวลา 20-30 นาที และน้องหมาตัวเล็กใช้เวลาเพียงแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น
- ลดเสียงดัง: หมดปัญหาเสียงรบกวนน้องหมาของคุณได้เลย เพราะตัวไดร์มีระดับเสียงเพียงแค่ 60 เดซิเบลเท่านั้น
- ปรับความร้อนได้ถึง 3 ระดับ: มีลมร้อน, ลมอุ่น และลมเย็นให้เลือก
- มาพร้อมกับหัวเป่า 4 แบบ: หัวเป่าแต่ละแบบขึ้นอยู่กับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเป่าแห้งหรือจัดแต่งทรง มีหัวเป่าปากแคบ, หัวเป่าปากแคบแบบกว้าง, หัวเป่าปากกลม และหัวเป่าทรงหวี
- สะดวกต่อการใช้งาน: ตัวไดร์น้ำหนักเบา มาพร้อมขาตั้งกันลื่นและด้ามจับที่แข็งแรง สายเป่าสามารถยืดหยุ่นได้มากว่า 2.5 เมตร
- ปลอดภัยต่อน้องหมา: ตัวหัวเป่าเป็นฉนวนกันร้อน ไม่ลวกผิวน้องหมาจากการสัมผัส
- ของแถมมากมาย: แถมฟรีถุงมืออาบน้ำ, เสื้อคลุม, ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน, หวีแปรงสแตนเลส และตัวกรองฝุ่น
2. ไดร์เป่าขนสุนัขขนาดพกพา ต้านเชื้อแบคทีเรีย (฿)
รายละเอียดสินค้า
|
สำหรับใครที่ชอบพาน้องหมาเดินทางบ่อย เราขอแนะนำไดร์เป่าขนแบบพกพาได้ตัวนี้เลย ตนสามารถใช้ได้ ปลอดภัยต่อน้องหมา แถมราคาสบายกระเป๋า เหมาะกับคนงบน้อย และคุณสมบัติเด่นของไดร์เป่าขนมีดังนี้
- ลมแรง กระจายทั่วร่างกาย: ไดร์ตัวนี้มีแรงลม 2,200 วัตต์ สามารถใช้ได้กับน้องหมาทุกสายพันธุ์ และตัวปากไดร์ถูกออกแบบมาให้มีรูปปากสั้นใหญ่ ทำให้มีปริมาณลมออกมาในปริมาณมาก สามารถกระจายได้ทั่วตัว
- เสียงเบา: ไดร์เป่าผมมีระดับเสียงเพียงแค่ 40-50 เดซิเบลเท่านั้น
- เป่าได้ทั้งลมร้อน-เย็น: สามารถปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ ลมปกติ, ลมอุ่น และลมร้อน เป็นได้ทั้งไดร์ไล่น้ำ และไดร์ร้อนเป่าแห้ง
- ประหยัดพลังงาน: ตัวมอเตอร์ทำจากทองแดงบริสุทธิ์ การใช้งานเสถียรยิ่งขึ้น ช่สนชชวยประหยัดพลังงาน
- ต้านแบคทีเรีย: ตัวไดร์ปล่อยลมประจุไออนลบ ช่วยในการต้านแบคทีเรีย
- ปลอดภัยต่อทั้งคนและสุนัข: ตัวไดร์ทำจากอลูมิเนียม มีฉนวนกันร้อน โดนน้ำแล้วไม่เป็นสนิม
- สะดวกต่อการใช้งาน: ไดร์มีน้ำหนักเบา พกพางสะดวก แถมมีสายยาวยืด-หดได้มากกว่า 1.8 เมตร
3. ไดร์เป่าขนสุนัข 3in1 ต้านเชื้อแบคทีเรียและจัดแต่งทรงสวย (฿)
รายละเอียดสินค้า
|
นวัตกรรมไดร์เป่าขนสุนัขรูปแบบใหม่ 3 in1 ที่เป็นทั้งไดร์เป่าแห้ง, ไดร์เป่าไล่น้ำ และหวีจัดทรง มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นมากมายดังนี้
- เสียงเบา: ระดับเสียงอยู่ที่ 40-50 เดซิเบล
- เป่าได้ทั้งลมร้อน-เย็น: สามารถปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ ลมปกติ, ลมอุ่น และลมร้อน
- มาพร้อมกับ 3 หัวเป่า: สามารถใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยหัวเป่าปากแบน, หัวเป่าปากกลม และหัวเป่าทรงหวี
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย จัดแต่งทรงสวย: ด้วยนวัตกรรมลมเป่าออกด้วยไอออนลบ สามารถต้านแบคทีเรีย และยังช่วยให้ขนไม่ชี้ฟู หวีง่าย จัดแต่งทรงน้องหมาได้ง่ายขึ้น
- แข็งแรงทนทาน ใช้งานสะดวก: ตัวไดร์น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม อายุการใช้งานนาน
4. ไดร์เป่าขนสุนัขอัจฉริยะ คุณภาพพรีเมียม (฿฿฿)
รายละเอียดสินค้า
|
ไดร์เป่าขนสุดอัจฉริยะ คุณภาพพรีเมียม มาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบหรู สวยงาม สไตล์มินิมอล ซึ่งคุณสมบัติเด่นมีดังนี้
- แรงลมทรงพลัง: ด้วยกำลังแรงลมถึง 2,000 วัตต์ เป่าแห้งไว และปรับความเร็วลมได้ตามใจชอบจากหน้าจอ LED
- เสียงเงียบ: มีระดับเสียงแค่ 57 เดซิเบล
- ปรับอุณหภูมิได้ตามใจชอบ: หน้าจอแสดงอุณหภูมิเป็นแบบ LED สามารถปรับอุณหภูมิ +/- ได้ตามใจชอบ
- จัดทรงได้หลากหลาย: มาพร้อมกับ 2 หัวเป่า หัวเป่าปากแคบและหัวเป่าทรงกลม
- ใช้ง่าย สะดวกสบาย: ตัวสายเป่ามีด้ามจัดถนัดมือ มีคุณสมบัติกันลื่น
- ปลอดภัยต่อสุนัข: หัวเป่าเป็นฉนวนกันร้อน ไม่ลอกผิวน้องหมาจากการสัมผัส
5. ไดร์เป่าขนสุนัขปล่อยประจุลบ ดูแลขนสวย ต้านแบคทีเรีย (฿฿฿)
รายละเอียดสินค้า
|
มาถึงไดร์เป่าขนสุนัขคุณภาพดีอีกตัวหนึ่ง ไดร์ตัวนี้นอกจากจะช่วยเป่าแห้งแล้ว ยังช่วยดูแลขนน้องให้สวยงามอีกด้วย และคุณสมบัติเด่นของไดร์เป่าขนมีดังนี้
- แรงลมหลายระดับ: สามารถปรับระดับแรงลมได้ตามชอบด้วยสวิตช์ +/- ซึ่งแรงลมเครื่องเป่านี้อยู่ในระดับ 1,200-2,800 วัตต์
- ปรับอุณหภูมิได้ตามใจชอบ: สามารถปรับอุณหภูมิด้วยสวิตช์ +/- ได้ตามใจชอบ
- เสียงเงียบ: ระดับเสียงน้อยกว่า 60 เดซิเบล
- จัดทรงง่าย: มาพร้อมกับ 4 หัวเป่าตามการใช้งาน หัวเป่าปากแคบ, หัวเป่าปากแคบกว้าง, หัวเป่าปกกลม และหัวเป่าทรงหวี
- ลดแบคทีเรีย ดูแลผิวหนัง: ด้วยนวัตกรรมการเป่าแห้งแบบประจุลบ ช่วยลดแบคทีเรีย และดูแลขนและผิวหนังน้องหมาให้มีสุขภาพดี
- สะดวกสบายต่อการใช้งาน: ตัวไดร์มีขากันลื่น และมีสายเป่ายาวยืดหยุ่นมากกว่า 2.5 เมตร
- ทำความสะอาดง่าย: เพียงแค่เปิดฝาหลังไดร์ เอาแผ่นกรองออกมาทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย
ประโยชน์ของไดร์เป่าขนสุนัขคืออะไร?

1. ช่วยให้ขนสุนัขแห้งสนิท ป้องกันโรคผิวหนัง
ไดร์เป่าขนสุนัขถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงในการเป่าขนน้องหมาให้แห้ง โดยเฉพาะกับน้องหมาขนยาวหรือขนสองชั้น หากเราปล่อยให้น้องหมามีขนเปียกชื้น อาจเกิดแบคทีเรียและเชื้อราเกิดขึ้นบนผิวหนังได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังต่างๆอย่างเช่น โรคผิวหนังอักเสบหรือโรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง เป็นต้น
2. ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในหูของสุนัข
การที่น้องหมามีหูเปียกหรือน้ำขังอยู่ในหูก็สามารถทำให้หูของน้องติดเชื้อจากแบคทีเรียและเชื้อราได้ โดยเฉพาะน้องหมาสายพันธุ์ที่มีหูพับลง (เช่น พุดเดิ้ล, บีเกิล, ดัชชุน, มอลทีส, ฯลฯ) หูน้องจะแห้งช้าและมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ดังนั้นเราควรมั่นใจว่าหูน้องแห้งสนิท โดยการใช้ไดร์เป่าขนสุนัขที่สามารถปรับอุณหภูมิให้ต่ำและกำลังไฟให้ต่ำลง เพื่อการเป่าหูน้องใหเแห้งโดยเฉพาะ
3. ลดกลิ่นเหม็นอับของสุนัข
น้องหมาที่ขนไม่แห้ง ก็อาจทำให้มีกลิ่นตัวที่เหม็นอับจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ ดังนั้นการใช้ไดร์เป่าขนที่แห้งสนิทก็สามารถป้องกันกลิ่นตัวของน้องได้
4. ช่วยให้สุนัขลดความเครียดและความวิตกกัลวล
น้องหมาบางตัวก็มีอาการตื่นกลัวจากเสียงและแรงลมของไดร์เป่าผมแบบธรรมดา ดังนั้นไดร์เป่าขนสุนัขถูกออกแบบมาเพื่อสามารถตั้งค่าการใช้งานเพื่อน้องหมาโดยเฉพาะ อย่างเช่น การปรับอุณหภูมิ, ความแรงลมที่เหมาะสม และมีเสียงที่ไม่ดังจนเกินไป สิ่งเหล่านี้ก็สามารถช่วยน้องหมาลดความเครียดและความวิตกกังวลลงทุกครั้งจากการเป่าขนได้
5. สามารถกำจัดขนร่วงในขนชั้นในได้
น้อองหมาสายพันธุ์ที่มีขนหนาและขนสองชั้นอย่างเช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หรือไซบีเรียน ฮัสกี้ จะมีขนร่วงเยอะมากกว่าสายพันธุ์อื่น ไดร์เป่าขนสุนัขที่สามารถปรับความแรงลมในการเป่าขน จะสามารถช่วยกำจัดขนร่วงที่ตายไปแล้วในขนชั้นในของน้องหมาได้ ทำให้น้องหมามีขนร่วงตกภายในบ้านน้อยลง สามารถช่วยผู้เลี้ยงประหยัดเวลาในการทำความสะอาดขนร่วงได้มากขึ้น
ไดร์เป่าขนสุนัข VS ไดร์เป่าผมธรรมดา
NongPets ได้ทำตารางเปรียบเทียบระหว่างไดร์เป่าขนสุนัขและไดร์เป่าขนธรรมดาว่าสองชนิดนี้มีข้อแตกต่างการใช้งานอย่างไรบ้าง และทำไมเราถึงควรใช้ไดร์เป่าขนสุนัข
ปัจจัย | ไดร์เป่าขนสุนัข | ไดร์เป่าผมธรรมดา |
---|---|---|
จุดประสงค์การใช้งาน |
ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับน้องหมาโดยเฉพาะ เพราะตัวไดร์จะมีความร้อนต่ำและความแรงลมที่ไม่แรงเท่าของมนุษย์ |
ออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับมนุษย์ ซึ่งตัวไดร์จะมีความร้อนมากกว่าและมีความแรงลมมาก เพื่อการเป่าแห้งแบบมีประสิทธิภาพ |
ระดับเสียง |
มีตัวเลือกระดับเสียงแบบเงียบหรือมีความดังน้อย เพราะน้องหมาค่อนข้างอ่อนไวต่อเสียง |
โดยปกติแล้วจะมีเสียงดัง โดยเฉพาะหากเปิดด้วยแรงลมที่สูง |
การปรับความร้อน |
สามารถปรับความร้อนที่เหมาะสมกับน้องหมา โดยที่ไม่ร้อนจนเกินไป เพราะน้องหมามีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิมมากกว่ามนุษย์ |
สามารถปรับความเย็น-ร้อนมาก ซึ่งความร้อนจะร้อนเกินไปสำหรับน้องหมา |
การปรับความแรงลม |
สามารถปรับแรงลมได้ตามต้องการ ขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์น้องหมา แต่จะไม่แรงเท่ากับไดร์ของมนุษย์ |
สามารถปรับแรงลมได้ตามต้องการ แต่แรงลมมักจะแรงเกินไปสำหรับผิวน้องหมา |
หัวไดร์เป่าผม |
มีให้เลือกหลายหัว เพื่อความเหมาะสมของชนิด, สายพันธุ์, ลักษณะของขนน้องหมา |
มักมากับหัวเป่าปากแคบแบบเดียว เพื่อการเป่าผมเฉพาะจุดและให้ผมเรียบตรง |
ฟังก์ชันความปลอดภัย |
ไดร์เป่าขนมักมากับฟังก์ชัน ป้องกันความร้อนที่สูงเกินไป เพื่อป้องกันผิวหนังที่บอบบางของน้องหมา |
มีฟังก์ชันรักษาความปลอดภัยสำหรับมนุษย์อย่างเช่น ป้องกันผมเสีย ซึ่งฟังก์ชันนี้ไม่จำเป็นสำหรับน้องหมา |
สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อไดร์เป่าขนสุนัข
การเลือกซื้อไดร์เป่าขนสุนัขให้เหมาะสมกับน้องหมาของคุณนั้น นอกจากจะทำให้การเป่าขนแห้งแบบมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยผ่อนแรงให้กับผู้เลี้ยงอีกด้วย แต่ว่าหากเราจะเลือกไดร์เป่าขนสุนัขดีๆสักชิ้นนั้นจะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง NongPets ก็ได้แนะนำวิธีการเลือกซื้อมาไดร์เป่าขน เพื่อให้ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ดังนี้
1. ขนาดและสายพันธุ์ของสุนัข
สุนัขแต่ละขนาดและสายพันธุ์ก็มีความยาวและความหนาของขนที่ไม่เหมือนกัน หากคุณมีน้องหมาตัวใหญ่ที่มีขนหนาและยาว ก็ควรเลือกไดร์เป่าขนที่สามารถปรับระดับความแรงลมสูง ที่สามารถเข้าถึงขนชั้นในได้ ในขณะที่น้องหมาตัวเล็กจะมีผิวที่บอบบางและอ่อนไหวต่ออุณหภูมิมากกว่าน้องหมาตัวใหญ่ ดังควรเลือดไดร์ที่มีฟังก์ชันที่สามารถปรับระดับความแรงลมและอุณหภูมิที่ต่ำได้
ลักษณะของหัวไดร์เป่าขนกับสายพันธุ์ของสุนัข
ไดร์เป่าขนสุนัขมักมาพร้อมกับหัวเป่าหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของความยาวและลักษณะขนของน้องหมาแจ่ละสายพันธุ์ อย่างเช่น
- หัวเป่าปากกลม: เหมาะแก่การเป่าแห้งทั่วร่างกาย
- หัวเป่าปากแคบ: เหมาะกับน้องหมาที่มีขนเรียบตรงปานกลาง-ยาว และเหมาะแก่การใช้ในบริเวณที่เข้าถึงยากอย่างเช่น หู, อุ้งเท้า และใต้ท้อง
- หัวเป่าแบบหวี: เหมาะกับน้องหมาที่มีขนยาวและขนร่วงเยอะ หัวเป่าแบบหวีจะช่วยคลายขนที่พันกันและช่วยให้ขนตรงสวยเรียบ
2. กำลังไฟของไดร์เป่าขนสุนัข
กำลังไฟของไดร์เป่าขนก็เป็นตัววัดที่สำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อ เพราะกำลังไฟไดร์เป่าขนก็เหมาะกับขนาดและสายพันธุ์ของน้องหมาที่แตกต่างกันออกไป โดยปกติแล้วการเลือกกำลังวัตต์ที่เหมาะสมกับขนน้องหมา มีดังต่อไปนี้
- กำลังวัตต์ต่ำ (ไม่เกิน 1000 วัตต์): ไดร์เป่ากำลังวัตต์ต่ำจะมีพลังที่ไม่แรงเกินไปและไม่ค่อยเสียงดัง จึงเหมาะกับน้องหมาที่มีผิวอ่อนโยน อย่างเช่นน้องหมาพันธุ์เล็กหรือขนสั้นบาง
- กำลังวัตต์ปานกลาง (1000-1800 วัตต์): ไดร์เป่ากำลังวัตต์ปานกลางจะมีพลังที่ไม่แรงและไม่เบาจนเกินไป เหมาะกับน้องหมาขนาดปานกลาง หรือน้องหมาที่มีขนยาว/ความหนาปานกลาง
- กำลังวัตต์สูง (1800-2800 วัตต์): ไดร์เป่ากำลังวัตต์สูงจะมีความแรงลมสูง ที่ช่วยให้ขนแห้งไว จึงเหมาะกับน้องหมาตัวใหญ่หรือขนหนาสองชั้น
3. ความร้อนและความแรงลมของไดร์เป่าขนสุนัข
น้องหมาแต่ละตัวก็มีความอดทนต่อความร้อนแรงลมที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นให้เลือกไดร์เป่าขนที่สามารถปรับอุณหภูมิและแรงลมที่เหมาะสมต่อน้องหมาของเรา นอกจากนี้การปรับอุณหภูมิก็ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะขนของน้องหมา ซึ่งอุณหภูมิของไดร์เป่าขนควรอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่ร้อนจนเกินไป โดยรวมแล้วเราสามารถแบ่งตามลักษณะขนได้ดังนี้
- น้องหมาพันธุ์เล็ก/ขนสั้น: ควรปรับอุณหภูมิให้ต่ำมากที่สุด หรือใช้แรงลมเย็นถ้าเป็นไปได้ เพราะผิวหนังของน้องมีความบอบบางและผิวไหม้จากความร้อน
- น้องหมาพันธุ์กลาง-ใหญ่/ขนหนา: น้องสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ แต่ก็ไม่ควรร้อนจนเกินไป
4. การปรับระดับเสียงของไดร์เป่าขนสุนัข
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าน้องหมาจะมีความอ่อนไหวต่อเสียงมากกว่ามนุษย์ ดังนั้นเสียงของไดร์เป่าขนอาจทำให้น้องรู้สึกเครียดและวิตกกังวลได้ เราควรเลือกไดร์เป่าขนที่มีเสียงดังน้อยที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วเสียงไม่ควรดังเกิน 70 เดซิเบล ยิ่งมีค่าเดซิเบลน้อยยิ่งดีสำหรับน้องหมา และในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อที่ออกแบบมาให้ไดร์เป่าขนมีเสียงที่ดังน้อยมากที่สุดหรือเงียบมาก
5. ฟังก์ชันความปลอดภัย
ไดร์เป่าผมที่มาพร้อมกับฟังก์ชันรักษาความปลอดภัยนั้น ก็ทำให้ผู้เลี้ยงมั่นใจในการใช้ไปอีกระดับ ฟังก์ชันความปลอดภัยที่มักมาพร้อมกับไดร์เป่าผมนั้นเช่น ฟังก์ชันการป้องความร้อนที่มากเกินไป หรือเซนเซอร์ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ เพื่อให้อุณภูมิคงที่เหมาะกับน้องหมาของคุณ เป็นต้น
เทคนิคการใช้ไดร์เป่าขนสุนัขอย่างไรให้ปลอดภัย

1. แนะนำสุนัขให้คุ้นชินกับไดร์เป่าขน
หลังจากที่น้องอาบน้ำเสร็จแล้ว หากน้องหมาที่ไม่คุ้นชินกับเสียงไดร์เป่าขน ให้คุณเริ่มจากการที่เปิดไดร์เป่าด้วยแรงลมที่เบาที่สุดในระยะห่างๆ ตัวไดร์เป่าขนไม่ควรเข้าใกล้น้องมากเกินไป หากน้องเริ่มสงสัยด้วยการเข้าไปดม ให้คุณเตรียมขนมเป็นรางวัลให้น้อง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้น้องไม่กลัวการใช้ไดร์เป่าขน
2. เริ่มใช้ไดร์เป่าขนสุนัขด้วยอุณหภูมิและแรงลมที่ต่ำ
จากนั้นให้เริ่มเป่าขนน้องด้วยแรงลมและอุณหภูมิที่ต่ำก่อนเพื่อให้น้องได้ปรับตัว น้องหมาเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับเสียงและอุณหภูมิ หากเราใช้ไดร์ในระดับแรงลมและความร้อนที่สูงจนเกินไป ก็อาจทำให้น้องกลัวหรือวิตกกังวลในการใช้ไดร์เป่าขน
3. เว้นระยะห่างของไดร์เป่าขนและตัวสุนัขอย่างพอเหมาะ
ให้เป่าขนโดยเว้นระยะห่างจากไดร์ถึงตัวน้องประมาณ 12 นิ้ว และเป่าให้ทั่วตัว เราจะไม่เป่าในจุดใดจุดหนึ่งนานๆ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์ในจุดที่บอบบางอย่างเช่น บริเวณรอบหน้าและดวงตา ในจุดนี้ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดแทน หรือถ้าหากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ให้ใช้ไดร์ในโหมดที่ต่ำที่สุดและเว้นระยะห่างพอสมควร
4. เน้นใช้ไดร์เป่าผมในจุดอับและจุดที่แห้งช้า
ในบริเวณจุดอับหรือแห้งช้าอย่างเช่น หู, ข้อพับขา และอุ้งเท้า ให้คุณใช้ไดร์ในโหมดที่ต่ำที่สุด โดยเน้นการเป่าบริเวณนี้ให้แห้ง โดยเฉพาะตรงบริเวณอุ้งเท้า เพราะในบริเวณจะมีโอกาสติดเชื้อจากแบคทีเรียค่อนข้างสูง
5. ให้รางวัลและคำชมแก่สุนัขเสมอ
หากว่าน้องยังไม่คุ้นชินในการใช้ไดร์เป่าขน ผู้เลี้ยงควรใช้ขนมและหมั่นให้คำชมแก่น้องเสมอในการใช้ไดร์เป่าขนทุกครั้ง เพื่อเป็นแรงจูงใจและเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้ไดร์เป่าขนในอนาคต
คำถามเกี่ยวกับไดร์เป่าขนสุนัขที่พบบ่อย
Q: ไดร์เป่าขนสุนัขปลอดภัยต่อสุนัขทุกสายพันธุ์หรือไม่? |
---|
A: ไดร์เป่าขนปลอดภัยต่อสุนัขทุกสายพันธุ์ แต่ผู้เลี้ยงก็ควรคำนึงในปัจจัยในด้านต่างๆอย่างเช่น น้องหมาที่มีผิวบอบบางหรือน้องหมาขนสั้น ก็ควรเลือกใช้ไดร์เป่าขนที่มีแรงลมต่ำและสามารถปรับอุณหภูมิต่ำได้ หรือน้องหมาที่มีขนหนา ก็ต้องได้รับการเป่าแห้งแบบมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกใช้ไดร์ที่มีแรงลมสูง สามารถเป่าทะลุถึงขนชั้นในได้ เป็นต้น |
Q: เราสามารถใช้ไดร์เป่าผมธรรมดากับสุนัขได้หรือไม่? |
---|
A: เราสามารถใช้ไดร์เป่าผมธรรมดากับน้องหมาได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่แนะนำให้ใช้ไดร์เป่าผมธรรมดา ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะดีที่สุด เพราะไดร์เป่าผมธรรมดาอาจมีอุณหภูมิและแรงลมที่สูงเกินไปต่อสภาพผิวน้องหมา |
Q: เราสามารถเป่าหูสุนัขด้วยไดร์เป่าขนสุนัขได้หรือไม่? |
---|
A: เราสามารถใช้ไดร์เป่าขนสุนัขเป่าหูน้องหมาได้ อย่างไรก็ตามผู้เลี้ยงควรใช้ไดร์ในโหมดที่มีแรงลมและอุณหภูมิที่ต่ำที่สุด และห้ามใช้หัวเป่าลงในช่องหูโดยตรง เพราะหูน้องเป็นอวัยวะที่อ่อนโยน ควรเว้นระยะห่างในการเป่าหูน้อง |
Q: วิธีทำความสะอาดและรักษาไดร์เป่าขนสุนัขทำอย่างไร? |
---|
A: คุณสามารถถอดหัวเป่าออกมาทำความสะอาด และกำจัดเศษขนและฝุ่นที่เกาะติดบนตัวฟิลเตอร์ ทำแบบนี้เป็นประจำ นอกจากนี้ควรอ่านคำแนะนำวิธีการทำความสะอาดบนคู่มือที่แนบมาให้ เพราะแต่ละยี่ห้อมีส่วนประกอบและวิธีทำความสะอาดไม่เหมือนกัน และเก็บในที่แห้งและเย็นหลังการใช้งาน เพื่อยืดอายุการใช้งานของไดร์เป่าขนเป็นเวลานาน |
สรุป
ไดร์เป่าขนสุนัขนอกจากจะออกแบบมาเพื่อน้องหมาโดยเฉพาะแล้ว มันยังเป็นมากกว่าเครื่องมือการดูแลรักษาขนที่มากกว่าที่คุณคิด เพราะหากเราเลือกไดร์เป่าขนที่เหมาะสมกับน้องหมาของเรา เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้น้องมีขนแห้งเร็ว และมีขนสวยสุขภาพดี พร้อมทั้งประหยัดเวลาของผู้เลี้ยงอีกด้วย
จากรีวิวไดร์เป่าขนสุนัขทั้ง 5 ยี่ห้อ NongPets ก็ได้คัดสรร 3 ยี่ห้อที่ดีที่สุดในแต่ละด้าน ดังนี้
หากใครสนใจสินค้าอื่นๆเกี่ยวกับสุนัขเพิ่มเติม NongPets ยังมีบทความรีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขไม่ว่าจะเป็น…