หลายๆคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับน้องแมวขนสีเทาทั้งตัว ตัวกลม หน้ากลม ตากลมโต หางก็ยังกลมๆ ดูน่ารักน่าชัง ซึ่งนั่นก็คือน้องแมวสายพันธุ์ “บริติชขนสั้น” หรือที่เรียกว่า “บริติชชอร์ตแฮร์” แน่นอนว่าความอ้วนกลมน่ารักเป็นที่ดึงดูดสายตา แต่น้องยังมีนิสัยสุภาพ เลี้ยงง่าย เข้ากับคนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆได้ดี วันนี้ Nongpets จึงจะพามารู้จักกับน้องเหมียวพันธุ์นี้กัน
ต้นกำเนิดของบริติชขนสั้น
บริติชขนสั้นถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษ จริงๆแล้วเจ้าบริติชขนสั้นนั้นมีต้นกำเนิดมาจากโรมัน คาดว่าในช่วงที่โรมันบุกเข้ายึดอังกฤษเพื่อขยายอาณาจักร พวกเขาได้นำแมวมาด้วยเพื่อคอยปกป้องเสบียงอาหารจากหนู จากนั้นแมวได้เพิ่มจำนวนขึ้นและกลายเป็นแมวเร่ร่อนอาศัยอยู่ในพื้นที่กว่าร้อยปี
ช่วงปลายปี 1800 ชายชาวอังกฤษชื่อว่า แฮริสัน วายร์ ได้ชื่อว่าเป็นผู้เพาะพันธุ์แมวคนแรก เขานำแมวเร่ร่อนตามถนนในอังกฤษมาผสมพันธุ์และคัดเลือกจนเกิดเป็นสายพันธุ์บริติชขนสั้นที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เกิดภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ทำให้แมวมีความนิยมลดลงไป หลังจากสงครามแมวที่ยังมีเชื้อสายของบริติชขนสั้นที่หลงเหลืออยู่ได้ถูกนำไปผสมพันธุ์กับแมวพันธุ์อื่นๆ รวมถึงแมวพันธุ์โดเมสติกชอร์ตแฮร์, รัสเซียนบลู, และเปอร์เซีย เพื่อให้สายพันธุ์ยังคงอยู่ต่อไป
ได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ในชื่อ บริติชขนสั้น ครั้งแรกโดย American Cat Association ในปี 1967 และได้มีการขึ้นทะเบียนขององค์กรอื่นๆตามมา คือ International Cat Association ในปี1979 และCat Fanciers Association ในปี 1980
ลักษณะทางกายภาพของบริติชขนสั้น
ลักษณะทางกายภาพ
- น้ำหนัก: 3 – 7 กิโลกรัม ตามปกติแล้วเพศผู้จะตัวใหญ่กว่าเพศเมีย
- ขน: ขนสั้น หนา และแน่น
- สีขน: สีขาวล้วน, สีดำล้วน, สีแดงล้วน, สีครีมล้วน, และสีน้ำเงินล้วน(เป็นที่นิยมที่สุด) หรือมีสองสี, สีน้ำตาลลายแถบเข้ม(tabby), หลากสี(calico)
- สีตา: ทองแดง, เขียว, ทอง, ฟ้า, ตาสองสี
- ลักษณะเด่น: หัวกลม, ตากลมใส, แก้มอ้วน, อุ้งเท้ากลม, ปลายหางมน
- ช่วงชีวิต: มีอายุประมาณ 12 – 16 ปี
นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป
บริติชขนสั้นเป็นแมวที่สามารถเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนได้ น้องเป็นแมวที่ง่ายๆสบายๆ ใจเย็น รักสงบ สุภาพ เข้าสังคมได้ดี เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยต้องการความสนใจ และการดูแลความสะอาดก็ไม่ยุ่งยาก เป็นแมวที่มีความซื่อสัตย์อย่างมาก ชอบเล่น และไม่ต้องการความสนใจจากคนบ่อยๆ ถ้าน้องเกิดอยากเล่นขึ้นมาก็จะเดินไปหาคนพร้อมกับเอาของเล่นไปด้วย แต่น้องก็สามารถเล่นตัวเดียว เอ็นเตอร์เทนตัวเองได้ดีเช่นกัน
![]() | คอนโดแมว 2 ชั้น คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
วิธีการเลี้ยงและดูแลบริติชขนสั้น
- จากชื่อพันธุ์ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าน้องมีขนสั้น นอกจากนั้นยังหนาแน่นและนุ่มอีกด้วย ดังนั้นจึงควรแปรงขนให้น้อง 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดเส้นขนที่หลุดร่วงและสะเก็ดผิวหนังบนร่างกายออกไป ในช่วงที่น้องผลัดขนก็ให้เพิ่มความถี่ในการแปรงมากขึ้น
![]() | HARMCAT หวีขนแมว คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
- หลายๆคนพบว่าบริติชขนสั้นเติบโตจากลูกแมวขี้เล่นกลายไปเป็นแมวสุขุม น้องเป็นแมวที่ค่อนข้างเติบโตช้า น้องจะเติบโตเต็มที่เมื่ออายุ 3 ปี บางตัวก็ใช้เวลาถึง 5 ปี ร่างกายจึงจะเติบโตเต็มที่ นอกจากนี้น้องไม่ค่อยชอบให้อุ้ม ไม่ชอบเข้าไปอ้อนคลอเคลียสักเท่าไหร่ แต่น้องสามารถเล่นและอยู่ร่วมกับกลุ่มคนหรือสมาชิกในครอบครัวได้
- ของเล่นเป็นอุปกรณ์สำคัญที่คนเลี้ยงแมวจะต้องมีติดบ้านไว้ สำหรับน้องบริติชขนสั้นเจ้าของควรเล่นกับน้องวันละ2 ครั้ง อย่างน้อยครั้งละ 15 นาที เพื่อให้น้องไม่เบื่อและเป็นการออกกำลังกายเผาผลาญพลังงาน
![]() | รางบอลแมวทาวเวอร์ 3 ชั้น คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
- ชามอาหารและน้ำดื่มควรเป็นเซรามิก ไม่ควรเป็นพลาสติก เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญโดยเฉพาะน้องที่อยู่ในช่วงวัยลูกแมว พลาสติกนั้นสามารถเกิดรอยบากและรอยขีดข่วนได้ง่าย ซึ่งรอยเล็กๆที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย, รา, และเชื้อไวรัส และต้องทำความสะอาดชามอาหารบ่อยๆ
- น้องแมวควรมีที่ข่วนเล็บอย่างน้อย 1 อัน สำหรับน้องบริติชขนสั้นที่ข่วนเล็บเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ ทำให้แมวได้ออกกำลังกาย ดีต่อข้อต่อ, กล้ามเนื้อ, และสุขภาพเล็บ เสาข่วนเล็บของน้องควรมีความสูงเพียงพอ เพื่อให้น้องสามารถยืดตัวข่วนเล็บได้เต็มที่ แต่ที่ดีที่สุดคือควรมีที่ข่วนเล็บที่เป็นทั้งแนวราบและแนวตั้งเพื่อให้แมวได้ข่วนเล็บในหลายๆมุม
![]() | กระดาษลับเล็บแมวสุดน่ารัก คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
- ที่นอนของน้องควรนุ่มสบาย มีขนาดใหญ่เพียงพอกับขนาดตัวที่โตเต็มที่ และควรเป็นที่นอนที่สามารถถอดเปลี่ยนหรือนำไปซักได้
![]() | เบาะแมวขนฟูนุ่ม คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
การให้อาหาร
ลูกแมว
หากคุณจะนำลูกแมวมาเลี้ยง น้องควรมีอายุอย่างน้อย 12 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่สามารถเริ่มกินอาหารแมวได้แล้ว ควรให้อาหารสูตรสำหรับลูกแมว 3 – 5 มื้อต่อวัน โดยให้เป็นมื้อเล็กๆ จะทำให้แมวได้รับสารอาหารและพลังงานเพียงพอต่อความต้องการ ด้วยความที่น้องชอบเล่นและใช้พลังค่อนข้างเยอะในวัยนี้ เราสามารถให้น้องกินได้เมื่อน้องอยากกินเพราะน้องจะเผาผลาญพลังงานจนหมด ไม่เกิดภาวะน้ำหนักเกินในช่วงวัยนี้ ควรให้น้องกินอาหารที่มีคุณภาพ โภชนาการครบถ้วน และมีโปรตีนสูง
![]() | WHISKAS อาหารลูกแมว แบบเปียก คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
โตเต็มวัย
เมื่อโตขึ้นน้องจะเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัว ทำให้เจ้าของต้องดูแลและใส่ใจเรื่องอาหารมากขึ้น การให้อาหารจะต้องดูระดับกิจกรรมที่แมวทำ เช่น เลี้ยงอยู่ในบ้านหรืออกบ้าน, มีความกระตือรือร้นมากเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เจ้าบริติชชอร์ตแฮร์มีนิสัยชอบกินอาหารตลอดทั้งวัน เราสามารถตวงอาหารและเทไว้ให้น้องกินได้ทั้งวัน หรือจะแบ่งอาหารเป็น 2 มื้อ คือให้ตอนเช้าและตอนเย็น ส่วนในอาหารควรมีส่วนประกอบของเนื้อเพื่อให้ได้โปรตีนและไขมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเพราะไม่เหมาะกับระบบย่อยอาหารของน้อง
น้องเป็นแมวที่ไม่ค่อยใช้พลังงานมากนัก ข้อดีก็คือทำให้น้องเป็นแมวที่เลี้ยงง่าย แต่ข้อเสียก็คืออาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา ในช่วงวัยลูกแมวและโตเต็มวัยยังไม่น่ากังวลเท่าไหร่ แต่เมื่อน้องอายุมากขึ้นจึงจำเป็นที่ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินมากขึ้น ไม่ควรให้น้องกินขนมแมวมากเกินไป นอกจากนั้นสามารถไปปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้
![]() | WHISKAS อาหารแมวโต รสปลาทูน่า คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
สุขภาพของบริติชขนสั้น
ปกติแล้วน้องเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพมากนัก แต่เพราะในอดีตน้องได้ผสมกับแมวพันธุ์เปอร์เซียจึงมีโอกาสเล็กน้อยที่จะป่วยเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมและโรคอื่น เช่น
1.โรคถุงน้ำในไต (polycystic kidney disease)
2.โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว (Feline hypertrophic cardiomyopathy)
3.โรคเลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia B)
4.โรคอ้วน (Obese)
บริติชขนสั้นกับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
ถ้าหากในบ้านมีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ น้องบริติชขนสั้นนั้นค่อนข้างมีความอดทนและสามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ก็ต้องให้สัตว์เลี้ยงแต่ะตัวมีพื้นที่ของตัวเองด้วย ผู้ปกครองควรดูแลและสอนเด็กไม่ให้ไปใช้กำลังบังคับอุ้มหรือยกแมว และดูแลไม่ให้สัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆมารังแกหรือก่อกวนน้องแมว