ในบทความนี้จะกล่าวถึงประเภทของอาหารแมวและสิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้ออาหารแมว และแนะนำ 7 อันดับอาหารแมวที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้ออาหารที่ถูกปาก ถูกใจ ได้คุณภาพ และเหมาะกับแมวเหมียวที่บ้านคุณ
แนะนำของอาหารแมวที่ดีที่สุดจากเรา
หากใครที่กำลังลังเลและตัดสินใจยังไม่ได้ว่าอาหารแมวยี่ห้อไหนเหมาะกับน้องแมวของคุณที่สุด เราจะช่วยคุณตัดสินใจให้ง่ายขึ้นด้วย 3 อันดับอาหารแมวที่ดีที่สุดจากเราดังนี้
Petheria (เพ็ทเทอเรีย) Innovation Cat Food อาหารแมวปราศจากกลูเตน |
|
||
Kaniva (คานิว่า) อาหารแมว สำหรับแมวทุกช่วงวัย |
|
||
Purina One (เพียวริน่า วัน) อาหารแมวเกรดพรีเมียม |
|
รีวิว 7 อันดับอาหารแมวที่ดีที่สุด
NongPets ได้คัดสรร 7 อันดับอาหารแมวคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน!
1. Kaniva (คานิว่า) อาหารแมว สำหรับแมวทุกช่วงวัย (฿203)
รายละเอียดสินค้า
|
อาหารแมวชนิดเม็ดมีสารอาหารครบทุกความต้องการของแมวทุกสายพันธุ์ ทุกช่วงวัย อาหารสูตรนี้มีส่วนผสมคุณภาพจากน้ำมันปลาแซลมอนซึ่งอุดมไปด้วย Omega-3 มีส่วนช่วยบำรุงขนให้สวยเงางาม และมีส่วนผสมของน้ำมันพริมโรสยังที่อุดมไปด้วยด้วย Omega-6 ที่มีส่วนช่วยบำรุงชั้นผิว สมานเนื้อเยื่อบนชั้นผิว
นอกจากนี้อาหารยังปราศจากข้าวโพดและกลูเตน เนื่องจากสภาวะร่างกายของน้องแมวหลายสายพันธุ์ไม่เอื้อต่อการรับประทานโปรตีนกลูเตน ทำให้มักจะเกิดภาวะไวต่อกลูเตน แพ้กลูเตน แพ้ข้าวสาลี ฯลฯ การให้น้องแมวทานอาหารแมวที่มีส่วนผสมของกลูเตน หรือแป้งสาลีอาจส่งผลให้น้องแมวมีอาการป่วยได้ เช่นโรคลำไส้แปรปรวนมีผื่นคันขนร่วงเยอะผิวหนังอักเสบ
นอกจากนี้ อาหารแมว Kaniva ยังมีโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเสริมสร้างภูมิต้านทานปรับสมดุลทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นช่วยบำรุงขนและผิวหนัง ให้น้องแมวมีขนสวยนุ่ม แถมยังเงางามช่วยลดก้อนขนด้วย
2. Neez Plus (นีซพลัส) Grain free อาหารเม็ดเกรดพรีเมียม (฿109)
รายละเอียดสินค้า
|
อาหารแมวเกรดพรีเมียม ผลิตจากไก่นำเข้า ไม่มีสารเร่งโต ปลอดภัยสำหรับน้องแมว ส่วนประกอบของอาหารผลิตจากเนื้อไก่มากถึง 45% นอกจากนี้อาหารเป็นสูตร Grain Free ไม่มีส่วนผสมของ ข้าวโพด,ถั่วเหลือง,ข้าวสาลี และกลูเตน ผสมน้ำมันปลาแซลม่อนในตัว แหล่งรวม Omega-3 และ Omega-6 ช่วยบำรุงผิวหนังและขน ลดปัญหาขนร่วง ช่วยให้ขนนุ่นเงางาม ที่สำคัญอาหารสูตรนี้โซเดียมต่ำ ไม่เค็ม เหมาะกับน้องแมวที่กินยากหรือมีปัญหาโรคไต
3. Nekko (เนคโกะ) อาหารแมวเปียกแบบซอง (฿13)
รายละเอียดสินค้า
|
สำหรับน้องแมวของใครที่ชอบอาหารแบบเปียกหรืออยากให้น้องแมวลองอาหารใหม่ เราขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะไม่เฉพาะแค่อาหารมีรสชาติอร่อยแค่นั้น แต่ยังเสริมคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อน้องแมว ดังนี้
- DHA จากน้ำมันปลาแซลมอน ช่วยในเรื่องบำรุงสมองและเสริมสร้างระบบประสาท
- พรีไบโอติก ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
- ทอรีน ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น
- วิตามินอี บำรุงผิวหนังและเส้นขนให้มีสุขภาพดี
- ฟลุคโตโอลิโทแซคคาไรด์ ลดการก่อตัวของก้อนขน
แถมอาหารตัวนี้ทำจากเนื้อปลาแท้ 100% ไม่ใส่วัตถุกันเสียและสีสังเคราะห์ ไม่เติมเกลือเพิ่ม มีสองแบบให้เลือก อาหารในน้ำเกรวี่และเยลลี่ แถมยังมีหลายรสชาติให้เลือก รับรองว่าดีต่อสุขภาพน้องแมวแน่นอน!
4. Petheria (เพ็ทเทอเรีย) Innovation Cat Food อาหารแมวปราศจากกลูเตน (฿268)
รายละเอียดสินค้า
|
อาหารแมวชนิดเม็ดที่ทำจากเนื้อเปลาทูน่าเกรดพรีเมียมทั้งตัว และข้าวกล้องออแกนิคจากธรรมชาติ ราดด้วยน้ำมันปลาแซลมอนนอร์เวย์ ผสมผสานด้วยสัดส่วนที่ลงตัว รสชาติอร่อย และได้คุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารครบถ้วน
- โปรตีน จากเนื้อเปลาทูน่าล้วน ๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว
- ไขมัน จากน้ำมันปลาแซลมอนนอร์เวย์สกัด ด้วยสัดส่วนที่พอเหมาะ ทำให้ขนสวยเงางาม และไม่อันตรายต่อแมว
- ไฟเบอร์ จากข้าวกล้องออแกนิค และต้นยัคคาชิดิเจอร่า ทำให้ย่อยสลายก้อนขน บำรุงระบบขับถ่าย ป้องกันโรคนิ่ว
- ความชื้น จากน้ำมันปลาแซลมอลที่ปริมาณที่พอเหมาะ ทำให้มีน้ำในอาหารกำลังดี ป้องกันท่อปัสสาคอุตตัน และการเกิดโรคนิ่ว
นอกจากนี้อาหารยังผลิตจากโรงงานที่ได้มาตราฐานระดับโลก และผ่านคุณสมบัติของกองควบคุมโภชนาการอาหารสัตว์เลี้ยง จากสหรัฐอเมริกา (AAFCO) ซึ่งควบคุมส่วนผสมทุกด้าน เช่น ความเค็มของอาหาร จึงมั่นใจได้ว่าไม่ส่งผลเสียต่อไตของแมวแน่นอน
5. Regalos (รีกาลอส) อาหารแมวเปียก เกรดพรีเมียม (฿12)
รายละเอียดสินค้า
|
อาหารเปียกแมว Regalos เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับน้องแมวทุกช่วงวัย วัตถุดิบผลิตจากเนื้อปลาทูน่าเกรดพรีเมียมแท้ 100% อุดมไปด้วย Omega-3 ที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นขน เสริมด้วยน้ำมันปลาและทอรีน ช่วยบำรุงหัวใจและสายตา ที่สำคัญอาหารแมวสูตรนี้ไม่ใส่วัตถุกันเสียและไม่เติมเกลือลงไปในวัตถุดิบด้วย น้องแมวปลอดภัยหายห่วง
6. Purina One (เพียวริน่า วัน) อาหารแมวเกรดพรีเมียม (฿305)
รายละเอียดสินค้า
|
อาหารแมวชนิดเม็ดคุณภาพพรีเมียม ที่มาพร้อมกับ 3 สูตรสำหรับน้องแมวต่างโดยเฉพาะ อีกทั้งยังคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของน้องแมวในแต่ละวัย โดยทั้งสามสูตรมีดังนี้
สูตร Healthy Kitten Formula – สำหรับลูกแมวทุกสายพันธุ์
อาหารแมวทำจากเนื้อไก่และข้าว DHA พบในน้ำนมแม่ เพื่อพัฒนาการทางสมองและการมองเห็น สารต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิต้านทาน แคลเซียมเพื่อกระดูกแข็งแรง แถมยังมีโปรตีนสูง เหมาะสำหรับลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโต อาหารเม็ดขนาดเล็กช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก ช่วยลดกลิ่นปากและหินปูน
สูตร Indoor Advantage – สำหรับแมวโตเลี้ยงในบ้าน ทุกสายพันธุ์
อาหารแมวที่ทำจากใยอาหารจากธรรมชาติ ลดการเกิดก้อนขนและช่วยระบบขับถ่าย มี Omega-3, Omega-6 และวิตามินอี ช่วยบำรุงขนและผิวหนัง มีโปรตีนจากเนื้อไก่งวง ช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อและหัวใจให้แข็งแรง นอกจากนี้อาหารยังมีแคลอรี่ต่ำ ช่วยควบคุมน้ำหนัก สำหรับแมวในบ้านที่มีกิจกรรมน้อย
Tender Selects Blend with Salmon Formula – สำหรับแมวโตทุกสายพันธุ์ สูตรผสมเม็ดนิ่ม
อาหารทำจากโปรตีนคุณภาพสูงจากเนื้อปลาแซลมอน เพื่อกล้ามเนื้อและหัวใจแข็งแรง และมีสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามิน A, E และซิลีเนียม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน นอกจากนี้เนื้อสัมผัสอาหารยังเป็นแบบเม็ดกรุบกรอบกับชิ้นเนื้อนุ่มหนึบ เสริมความอร่อยมากขึ้น
7. Orijen อาหารแมวเกรดสูง คุณภาพดี (฿199)
รายละเอียดสินค้า
|
อาหารแมวชนิดเม็ดคุณภาพพรีเมียม ที่มาด้วยกัน 3 สูตรสำหรับน้องแมวต่างกิจกรรม โดยทั้งสามสูตรมีดังนี้
สูตร Orijen Cat & Kitten – สำหรับลูกแมวและแมวโต เพื่อการบำรุงแมวและลูกแมวอย่างสมบูรณ์
อาหารแมวมีส่วนผสม ไก่, ไก่ง่วง, ปลาทะเลน้ำลึกและไข่ไก่สดทั้งใบ เน้นโปรตีนสูงและไขมัน เพื่อลูกแมวที่กำลังเติบโตและแมวที่ตั้งครรภ์
สูตร Orijen Fit&Trim – สำหรับน้องแมวที่ชอบทำกิจกรรม ต้องการให้หุ่นกระชับ
อาหารแมวนักกล้ามที่เพิ่มโปรตีน จำกัดคาร์โบไฮเดรต ลดปริมาณไขมัน ผสมไฟเบอร์ สำหรับแมวที่ชอบทำกิจกรรม เน้นกล้ามเนื้อ หรือ เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ส่วนผสมอาหารทำจากไก่, ไก่งวง ,ตับไก่, ปลาทะเลน้ำลึกและไข่ไก่สดทั้งใบ
สูตร Orijen Six Fish – สำหรับแมวโต 1 ปีขึ้นไป ช่วยลดคราบน้ำตา ขนสวยเป็นเงางาม
อาหารโปรตีนสูงเหมาะสำหรับแมวที่แพ้โปรตีนจากไก่ เพราะทำจากปลาทะเลน้ำลึก 6 ชนิด อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย วิตามิน A, D3, ไบโอติน, B12 ช่วยเน้นการดูแลเรื่องผิวหนังและขนเป็นพิเศษ
ประเภทของอาหารแมว
1. อาหารเม็ด
หรือที่เรียกว่าอาหารแห้ง จะมีความชุ่มชื้นในอาหารประมาณ 6 – 10% แตกต่างกันไปในแต่ละสูตร เป็นการนำวัตถุดิบต่างๆมาผสมกันแล้วนำไปอัดรีด จากนั้นตัดให้มีขนาดพอดีคำและอบแห้ง ส่วนมากนิยมเคลือบด้วยตัวเพิ่มรสชาติ เช่น ไขมันสัตว์ เพื่อทำให้อาหารน่ากินยิ่งขึ้น
ข้อดี
- ราคาไม่สูง
- เก็บไว้ได้นาน
- สะดวกสบาย สามารถตวงปริมาณและตักให้แมวได้ง่าย
- ให้พลังงานสูง
- สามารถตักทิ้งไว้ในชามให้แมวกินได้ทั้งวันโดยที่ไม่เน่าเสีย
- ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก การกัดแทะอาหารเม็ดรูปทรงต่างๆจะเป็นการช่วยขัดฟัน นอกจากนั้นอาหารเม็ดบางสูตรยังใส่สารที่ช่วยลดการก่อตัวของหินปูน
ข้อเสีย
- หากซื้ออาหารถุงใหญ่เกินไป เมื่อเปิดถุงแล้วอากาศจะเข้าไปด้านใน ทำให้สารอาหารบางตัวถูกทำลายได้
- อาหารเม็ดสามารถมีลักษณะแห้งเหี่ยวได้ถ้าเปิดถุงนาน 2เดือนขึ้นไป ถึงแม้จะเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิทไม่มีอากาศเข้าก็ตาม และทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นอีกด้วย
- มีคาร์โบไฮเดรตสูงจากสารที่ใช้เคลือบเม็ดอาหาร
- รสชาติและความน่ากินน้อยกว่าอาหารกึ่งเปียกและอาหารเปียก
- ย่อยยากกว่าอาหารเปียกและอาหารกึ่งเปียก
2. อาหารแบบกึ่งเปียก
อาหารประเภทนี้จะมีความชุ่มชื้นในอาหารประมาณ 35% อาหารแบบกึ่งเปียกสูตรที่ไม่มีพืชจะผลิตมาจากเนื้อสัตว์และผลพลอยได้จากเนื้อ ส่วนอาหารกึ่งเปียกแบบทั่วไปจะมีถั่วเหลืองและธัญพืชผสมเป็นส่วนประกอบ ด้วยความที่มีการปรุงรสค่อนข้างเยอะ อาหารกึ่งเปียกจึงเหมาะกับการให้เป็นขนมเป็นครั้งคราว ไม่ควรให้เป็นอาหารหลัก
ข้อดี
- มีความชุ่มชื้นมากกว่าอาหารแห้ง
- ราคาอยู่ในช่วงกลางๆไม่ต่ำและไม่สูงเกินไป
- ย่อยง่าย
- มีรสชาติดี
- ให้แมวได้ง่ายๆ เพียงแค่ฉีกซองและเทใส่ชามอาหาร
ข้อเสีย
- เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์ทิ้งไว้จะทำให้อาหารแห้งหรือมีกลิ่นเหม็น
- มีส่วนผสมของเกลือและน้ำตาลมากกว่าอาหารเม็ดและอาหารเปียก
- หลายๆยี่ห้อใส่สารแต่งสี, สารปรุงรส, และสารกันบูด
3. อาหารแบบเปียก
หรืออาหารกระป๋อง มีความชุ่มชื้นประมาณ 75% ซึ่งเยอะที่สุดในประเภทอาหารทั้งหมด เป็นอาหารที่มีรสชาติดีและถูกปากแมวส่วนใหญ่ เมื่อเปิดแล้วเหลือควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาคุณภาพและป้องกันการเน่าเสีย
ข้อดี
- เพิ่มน้ำและความชุ่มชื้นให้กับร่างกายแมว
- เพราะว่ามีน้ำอยู่เยอะ แมวจึงสามารถกินอาหารเปียกในปริมาณที่เยอะกว่าเพื่อให้ได้แคลอรี่ที่เท่ากับอาหารเม็ด
- เหมาะสำหรับแมวที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ
- มีรสชาติดี
- สามารถเก็บไว้ได้นาน
ข้อเสีย
- มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบปริมาณอาหาร และปริมาณแคลอรี่กับอาหารเม็ด
- อาจทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มฟันอักเสบได้
- อาหารกระป๋องบางยี่ห้อมีสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน
- หากเททิ้งไว้จะเน่าเสียได้
สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้ออาหารแมว
1. ดูอายุและความต้องการพลังงานของแมว
- ช่วงวัยเด็ก
เมื่อลูกแมวเริ่มโตและหย่านมแล้ว ให้เริ่มเปลี่ยนไปให้อาหารสูตรสำหรับลูกแมว แมวเด็กต้องการพลังงานมาก ดังนั้นเราต้องแน่ใจว่าอาหารที่ให้เป็นอาหารสำหรับลูกแมวจริงๆ น้องแมวจะกินอาหารสำหรับลูกแมวจนกระทั่งอายุประมาณ 1 ปี
- ช่วงโตเต็มวัย
แมวโตที่ใช้พลังงานในระดับปกติต้องการอาหารสูตรทั่วไปสำหรับแมววัยโต ควรเลือกอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบในอาหารและควรมีถ้วยน้ำเปล่าวางไว้ใช้แมวได้กินตลอดวัน
- ช่วงสูงวัย
เมื่อแมวมีอายุถึง 7 ปี ต้องเริ่มให้แมวกินอาหารสำหรับแมวสูงวัย ซึ่งเป็นสูตรอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้สามารถไปปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะกับแมวในวัยนี้
2. สภาพร่างกาย
- แมวที่มีร่างกายปกติ
ถ้าแมวมีสุขภาพดี น้ำหนักตามเกณฑ์ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี จุดที่ไม่ควรมองข้ามคือฝึกพฤติกรรมการกินที่ดี แต่ทั้งนี้คำแนะนำที่ระบุอยู่บนฉลากอาหารก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอ ควรไปปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อให้ได้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้อง
- แมวที่มีน้ำหนักมาก
สาเหตุใหญ่ที่ทำให้น้องกลายเป็นแมวอ้วน เพราะปริมาณอาหารที่ควรให้ที่ระบุอยู่บนฉลากอาหารไม่เหมาะสมกับแมว อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่คือ การมีอาหารเม็ดให้แมวกินตลอดทั้งวัน เมื่อแมวอยากกินก็กินได้ตลอด ซึ่งแมวที่มีน้ำหนักมากจะมีความเสี่ยงเป็นโรคตับ, โรคเบาหวาน, และโรคข้ออักเสบ ควรขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารและการดูแลสุขภาพของแมวที่มีปัญหาน้ำหนักมาก
- แมวที่มีร่างกายผอม
แมวร่างกายผอมอาจเป็นสัญญาณของปัญหาใหญ่ เช่น โรคโลหิตจาง หรือ มีพยาธิ ถ้าแมวของคุณกินอาหารแต่น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น หรือแมวมีพฤติกรรมไม่กินอาหารเลย ควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือแมวผอมเพราะไม่ชอบอาหารที่คุณให้และไม่ยอมกินจนทำให้ร่างกายผอม สัตวแพทย์จึงเป็นผู้ที่สามารถบอกได้ว่าแมวมีปัญหาสุขภาพหรือแค่จุกจิกเลือกกิน
3. ปัญหาสุขภาพ
- โรคเบาหวาน
อาหารเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากสำหรับแมวที่เป็นโรคเบาหวาน อาหารเม็ดไม่มีความชื้นมากพอจึงไม่แนะนำ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อจะได้จัดอาหารที่ถูกต้องสำหรับแมวที่เป็นโรคนี้
- โรคไต
หากแมวเป็นโรคไต ต้องให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาหารเม็ดไม่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคไต และควรให้อาหารที่มีปริมาณโปรตีนและฟอสเฟสต่ำ
- ปัญหาสุขภาพอื่นๆ
แมวก็เหมือนมนุษย์ที่สามารถเกิดการแพ้อาหาร, ภูมิแพ้ผิวหนัง, และโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อยๆและเจ้าของต้องระวังเวลาเลือกซื้ออาหาร
4. งบประมาณ
แมวไม่สนใจหรอกว่าอาหารที่กินนั้นราคาแพงลิบลิ่วหรือเป็นปลาต้มธรรมดาๆ เจ้าแมวรู้แค่ว่าอยากจะกินอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นลองนำข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาไปพิจารณาและเลือกซื้ออาหารให้เหมาะสมกับงบที่คุณมี
5. ดูส่วนผสมบนฉลาก
เลือกอาหารที่มีส่วนผสมของทอรีน, น้ำ, วิตามิน, แร่ธาตุ, เอนไซม์, กรดไขมัน, และโปรตีน ไม่ควรเลือกอาหารท่ีมีส่วนผสมของแป้งข้าวโพด หรือมีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และควรดูวันผลิตวันหมดอายุทุกครั้ง
6. เลือกอาหารที่มีโปรตีนเป็นอันดับหนึ่ง
แมวเป็นสัตว์ที่กินเนื้อเป็นหลัก ดังนั้นเนื้อสัตว์จึงเป็นสารอาหารที่จำเป็นในอาหารแมว เวลาเลือกซื้ออาหารจึงควรอ่านส่วนผสม โดยโปรตีนควรอยู่หนึ่งในสามอันดับแรก ซึ่งโปรตีนที่ว่านี้ก็หมายถึงเนื้อสัตว์นั่นเอง เช่น เนื้อไก่, เนื้อปลา