รวม 6 วัคซีนที่ลูกสุนัขของคุณควรฉีด

รวม 6 วัคซีนที่ลูกสุนัขของคุณควรฉีด (พร้อมโปรแกรมการฉีดวัคซีน)

NongPets เข้าใจดีว่าพ่อแม่น้องหมาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกับความน่ารักน่าชังของเจ้าหมาน้อยที่กำลังเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว แต่ความน่ารักก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน การที่เรารับลูกสุนัขมาเลี้ยงก็เหมือนการที่เรามีเด็กเล็กที่เราต้องให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ 

อย่างเรื่องการดูแลสุขภาพของสุนัขก็เป็นเรื่องที่สำคัญอันดับแรกๆที่พ่อแม่ของสุนัขต้องให้ความใส่ใจ และวัคซีนสุนัขก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยป้องกันโรคภัยต่างๆให้กับสุนัขของคุณ ดังนั้นผู้เลี้ยงต้องมั่นใจว่าลูกน้อยของคุณได้รับการฉีดวัคซีนที่ถูกต้องและครบถ้วน

ในบทความนี้ NongPets จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนสุนัขไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ทำไมลูกสุนัขถึงต้องได้รับวัคซีน, วัคซีนอะไรบ้างที่สุนัขต้องฉีด, ลูกสุนัขต้องฉีดวัคซีนตอนไหน รวมไปถึงโปรแกรมการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขไปจนถึงตอนโต ดังนั้นถ้าใครอยากปกป้องน้องหมาของคุณให้ปลอดภัย ลองมาเรียนรู้เกี่ยวกับวัคซีนสุนัขกัน!

ทำไมลูกสุนัขถึงต้องฉีดวัคซีน?

วัคซีนสำหรับสุนัขเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงควรให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพราะวัคซีนสามารถป้องกันลูกสุนัขของคุณให้ห่างจากโรคติดต่อที่ร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

การทำงานของวัคซีนนั้น เกิดจากที่ตัววัคซีนจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขให้สามารถต่อสู้กับไวรัส, แบคทีเรีย, หรือเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคภัยต่างๆ 

และการที่เราพาน้องหมาของเราไปฉีดวัคซีนนั้นไม่เพียงแค่ป้องกันโรคสำหรับตัวน้องเพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อติดต่อไปสู่สัตว์เลี้ยงอื่นๆรวมถึงมนุษย์อีกด้วย หากใครที่เลี้ยงสุนัขไว้เพียงแต่ในบ้านก็อย่าชะล่าใจไป เพราะมนุษย์เราสก็สามารถนำเชื้อไวรัสกลับเข้ามาในบ้านได้ จากการสัมผัสสัตว์เลี้ยงตัวอื่นนอกบ้าน หรือตัวเรามีการใกล้ชิดกับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ 

วัคซีนที่ลูกสุนัขต้องฉีดมีอะไรบ้าง?

วัคซีนที่ลูกสุนัขต้องฉีดมีอะไรบ้าง?

1. วัคซีนโรคไข้หัดสุนัข (The Distemper vaccine)

โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคที่สัตว์เลี้ยงติดต่อกันได้ง่าย สามารถติดต่อได้จากสุนัขด้วยกันเองหรือจากสัตว์อื่นๆ โรคนี้จะแพร่กระจายทางอากาศโดยการไอหรือจาม หรือติดต่อได้จากการสัมผัสและใช้ของร่วมกัน

ไวรัสไข้หัดนี้จะเข้าไปทำลายระบบประสาท, ระบบทางเดินหายใจ และระบบย่อยอาหารของสุนัข โดยสุนัขของคุณอาจมีอาการชัก, มีความผิดปกติในระบบย่อยอาหาร ไปจนถึงระบบประสาทถูกทำลาย

2. วัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบในสุนัข (Hepatitis (Adenovirus-2) Vaccine)

โรคไวรัสตับอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัส Adenovirus-1 ที่จะไปทำลายอวัยวะในร่างกายอย่างตับ, ม้าม, ไต, ปอด, และตา แต่ไวรัสตัวนี้จะไม่ติดต่อสู่คน หากสุนัขของคุณได้รับเชื้อไวรัสจะมีอาการหลายอย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็น มีไข้, อาเจียน, ท้องป่อง, เบื่ออาหาร หรือมีอาการชักร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต

3. วัคซีนโรคลำไส้อักเสบในสุนัข (Parvovirus (CPV-2) Vaccine)

วัคซีนพาร์โวหรือวัคซีนโรคลำไส้อักเสบ เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสพาร์โวที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงในลำไส้ของสุนัข ไวรัสตัวนี้จะเข้าไปทำลายการแบ่งแยกเซลล์ในร่างกายสุนัขอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเซลล์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารในสุนัข 

หากสุนัขของคุณได้รับเชื้อไวรัสพาร์โวเข้าไปจะมีอาการหลักๆดังนี้ อาเจียน, อ้วก, ท้องเสีย, ถ่ายเป็นเลือด, มีอาการง่วงซึม, เป็นไข้ และร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ 

เชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อจากการสัมผัสได้โดยตรง จากสุนัขผ่านสุนัขหรือจากการสัมผัสผ่านคน ลูกสุนัขและสุนัขแก่ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจะติดต่อได้ง่ายกว่าสุนัขวัยโต ดังนั้นลูกสุนัขที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนพาร์โว ไม่ควรออกไปข้างนอกเพื่อรับความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ

4. วัคซีนโรคหวัดและโรคหลอดลมอักเสบในสุนัข (Parainfluenza Vaccine)

พาราอินฟลูเอนซาเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อและแพร่เชื้อจากการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำลาย, น้ำมูก หรือละอองฝอยน้ำลายจากการจามของสุนัขที่ติดเชื้อ โดยอาการของโรคหวัดจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อและสุขภาพของสุนัขด้วยเอง

อาการหลักๆของโรคนี้จะมีอาการไอ, จาม, มีน้ำมูกไหล, เป็นไข้, มีอาการง่วงซึม,​ เบื่ออาหาร และถ้าหากเป็นหนัก สุนัขอาจจะหายใจลำบาก และโดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับลูกสุนัขและสุนัขสูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

การทำงานวัคซีนพาราอินฟลูเอนซาโดยหลักคือ เมื่อสุนัขได้รับวัคซีนเข้าไปในร่างกายแล้ว ในวัคซีนจะมีไวรัสพาราอินฟลูเอนซาในปริมาณที่เล็กน้อยหรืออาจจะเป็นส่วนของโปรตีนของไวรัสก็ได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของสุนัขสร้างแอนติบอดี้ต่อสู้กับไวรัส หากสุนัขของคุณติดเชื้อไวรัสพาราอินฟลูเอนซาในภายหลัง แอนติบอดี้ก็จะช่วยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อสู้กับไวรัสและป้องกันไม่ให้สุนัขเจ็บป่วยอีกด้วย

5. วัคซีนโรคฉี่หนู (Leptospirosis Vaccine)

โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า เลปโตสไปร่า (Leptospira) ที่พบได้ในดินและน้ำที่มีการปนเปื้อนของฉี่สัตว์ที่ติดเชื้อ ซึ่งสุนัขสามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสหรือดื่มน้ำเข้าไป

อาการของสุนัขที่ติดเชื้อโรคฉี่หนูมีดังนี้ มีไข้, อาเจียน, ท้องเสีย, กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย และตัวเหลือง ถ้าหากสุนัขมีอาการที่ร้ายแรง ก็อาจทำให้ระบบอวัยวะในร่างกายล้มเหลวไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

นอกจากนี้โรคฉี่หนูยังสามารถติดต่อจากสุนัขผ่านสู่คนได้ ดังนั้นวัคซีนโรคฉี่หนูจึงสำคัญต่อสุนัขอย่างยิ่งโดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่แถบชนบทหรือใกล้ป่า เพราะสุนัขมีโอกาสที่จะสัมผัสกับน้ำตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากกว่าแหล่งที่อื่น

6. วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine)

โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอีกโรคหนึ่งที่มีอันตรายถึงชีวิตที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้และสามารถติดต่อเข้าสู่คนได้ ซึ่งไวรัสนี้จะติดต่อจากน้ำลายจากสุนัขหรือสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่โดนสัตว์ที่ติดเชื้อกัด ไวรัสจะเข้าไปทำลายระบบประสาท ทำให้สุนัขที่ติดเชื้อมีอาการหวาดระแวง, มีความวิตกกังวล, มีไข้, ลมชัก และรวมไปถึงอัมพาต

การรักษาเบื้องต้นถ้าหากสุนัขของคุณถูกสุนัขที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้ากัด ให้คุณพาน้องไปรักษากับทางสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด ทางสัตวแพทย์จะให้ยารักษาที่ชื่อว่า Post-Exposure Prophylaxis (PEP) ซึ่ง PEP เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในป้องกันการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า 

อย่างไรก็ตามการรักษานี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าสุนัขของคุณจะไม่มีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้า แต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อได้เพียงเท่านั้น ดังนั้นสุนัขควรได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุด

ลูกสุนัขต้องเริ่มฉีดวัคซีนตอนไหน?

ลูกสุนัขควรได้รับวัคซีนเมื่อน้องมีอายุตั้งแต่ 6-8 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยปกติแล้วลูกสุนัขจะได้รับวัคซีนรวมทั้งหมด 5 ตัวที่กล่าวมา รวมกับวัคซีนพิษสุนัขบ้า หลังจากฉีดเข็มแรกประมาณ 3-4 สัปดาห์แล้ว น้องจะต้องได้รับฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 2 ในระยะนี้ไม่ควรพาน้องออกไปข้างนอกเพราะร่างกายของน้องยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรง 

หลังจากที่น้องได้รับการฉีดเข็มที่สองประมาณ 4 สัปดาห์แล้ว ระยะนี้สุนัขมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจึงจะพาน้องออกไปข้างนอกได้ นอกจากนี้สุนัขควรได้รับการกระตุ้นวัคซีนทุกๆปี เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มก้นให้กับสุนัขได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง

โปรแกรมวัคซีนลูกสุนัข

โปรแกรมวัคซีนลูกสุนัข

คำถามเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสุนัขที่พบบ่อย

วัคซีนสุนัขมีความเสี่ยงหรือไม่?

วัคซีนสุนัขก็เหมือนวัคซีนที่ใช้ทางการแพทย์ทั่วๆไป ที่จะมีความเสี่ยงในเรื่องของการแพ้วัคซีน หรืออาการผลข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีน 

แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของวัคซีนนั้นมีน้อยมาก ถ้าเทียบกับประโยชน์ของวัคซีนที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้สุนัขติดเชื้อและลดความเสี่ยงความเจ็บป่วยที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สุนัขที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้ออีกหรือไม่?

การที่สุนัขได้รับวัคซีนไม่ได้เป็นการการันตีว่าจะป้องกันการติดเชื้อ 100% แต่ว่าวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการเจ็บป่วยได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับสุนัขที่ไม่ได้รับวัคซีน

นอกจากนี้ถ้าหากว่าสุนัขของคุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และได้รับเชื้อในภายหลัง วัคซีนจะช่วยให้สุนัขไม่ป่วยหนักและหายจากอาการเร็วยิ่งขึ้น

วัคซีนสุนัขมีผลข้างเคียงที่อันตรายหรือไม่?

วัคซีนสุนัขมีผลข้างเคียง แต่ผลข้างเคียงที่ว่านี้มีอันตรายน้อยมากและอาการจะหายได้เอง แต่ก็มีเคสที่เกิดผลข้างเคียงอันตรายต่อสุนัขอย่างเช่น ภาวะแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อวัคซีน ทำให้ร่างกายหลั่งสารฮิสตามีนในปริมาณมากและหลั่งสารเคมีต่างๆในร่างกายออกมา ทำให้สุนัขมีอาการเจ็บป่วยต่างๆ

อาการของ Anaphylaxis ของสุนัขมีดังนี้ หายใจลำบาก, มีอาการบวมที่หน้าและคอ, มีผื่นแดงขึ้น, อาเจียน, ท้องเสีย, ร่างกายอ่อนแอ ไปจนถึงเป็นลมหมดสติ อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่สุนัขได้รับวัคซีนไม่เพียงกี่นาทีหรือผ่านไปเป็นชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของสุนัขแต่ละตัว ถ้าหากสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที แต่โดยปกติแล้วโอกาสของการเกิด Anaphylaxis จะเกิดขึ้นน้อยมากในสุนัข

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Show Buttons
Hide Buttons