9 สุนัขสายพันธุ์เล็กสำหรับเลี้ยงในคอนโด – ข้อมูลสายพันธุ์และลักษณะนิสัย

หลายๆคนคงคิดว่า การอยู่ในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดหรืออพาร์ทเม้นท์ ทำให้เราไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้ แต่จริงๆแล้วมีสุนัขพันธุ์เล็กหลายสายพันธุ์ที่สามารถอยู่อาศัยและปรับตัวในพื้นที่เล็กๆได้ แต่ใครหลายคนไม่ได้กังวลแค่ในเรื่องพื้นที่เท่านั้น เพราะตามธรรมชาติของสุนัขแล้ว การเห่าถือเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือเห่าเพราะป้องกันอาณาเขต แต่บางครั้งการที่สุนัขเห่าบ่อยมากจนเกินไป อาจสร้างความรำคาญใจให้กับเพื่อนบ้านได้ ดังนั้น NongPets จึงได้รวบรวมสุนัขสายพันธุ์เล็กสำหรับเลี้ยงในคอนโดที่สามารถอยู่ได้ในพื้นที่จำกัดและไม่ส่งเสียงดัง มาให้ทุกคนได้พิจารณากันดู หากพร้อมแล้วเราตามมาดูกันเลย

1. Pug (ปั๊ก)

Pug ปั๊ก
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 6 – 8 กก.
  • ส่วนสูง: 25 – 33 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 13 – 15 ปี
  • ลักษณะนิสัย: ใจเย็น ใจดี รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ
  • การเห่า: เห่าไม่ค่อยดังและเห่าน้อย แต่กรนดัง
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายน้อยมาก

สุนัขพันธุ์ปั๊ก ถือเป็นสุนัขสายพันธุ์ทอย ซึ่งลักษณะของสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีหน้าย่น จมูกสั้น และมีขนสั้นเตียนลำตัวป้อมสั้น ส่วนใหญ่แล้วน้องปั๊กจะไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย และไม่ชอบอยู่ในที่ร้อน  นอกจากนี้น้องปั๊กยังเป็นสุนัขที่นอนเยอะมาก ๆ โดยเฉลี่ยแล้วน้องจะนอนวันละ 14 ชั่วโมงขึ้นไป ปั๊กจึงเหมาะเป็นหมาที่เลี้ยงในพื้นที่จำกัด เพราะไม่ต้องการพื้นที่ในการออกกำลังกายมาก แต่ข้อเสียก็คือทำให้น้องมีโอกาสอ้วนได้ง่าย หากเราต้องการให้น้องปั๊กออกกำลังกาย แค่พาน้องไปวิ่งเล่นในที่ร่ม หรือสถานที่ที่ไม่ร้อนอบอ้าววันละ 1 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว ส่วนนิสัยทั่วไปของน้องปั๊กจะเป็นสุนัขที่มีความร่าเริง ขี้เล่น เลี้ยงง่าย แถมยังไม่ค่อยเห่าพร่ำเพรื่อ จึงเหมาะสำหรับเลี้ยงไว้ในคอนโดเป็นอย่างมาก

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปั๊ก >>

2. Bichon Frise (บิชอง ฟริเซ่)

Bichon Frise บิชอง ฟริเซ่
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 3 – 5 กก.
  • ส่วนสูง: 30 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 12 – 15 ปี
  • ลักษณะนิสัย: มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ใจดี อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา
  • การเห่า: เห่าไม่ดังและเห่าน้อย
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายน้อย

สุนัขพันธุ์บิชอง ฟรีเซ่ เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาด และมีหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู ลำตัวของน้องจะมีขนฟูฟ่อง และมีขนสีขาวสะอาด ดูเหมือนกับปุยนุ่นนุ่ม ๆ แถมน้องยังเป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ใจดี อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา และน้องยังชอบนอนซุกบนตักเจ้าของมาก ๆ ถึงแม้ว่าน้องจะดูเป็นสุนัขที่ร่าเริง แต่ในทางกลับกัน หากทิ้งน้องไว้ในห้องโดยขาดการเอาใจใส่ อาจทำให้น้องเหงาหงอย และซึมเศร้าได้ง่าย ดังนั้นผู้เลี้ยงควรหาเวลาเล่นกับน้องบ้าง ก็จะช่วยให้น้องกลับมาร่าเริงได้ไม่ยาก 

ที่สำคัญน้องบิชองยังมีพลังงานไม่สูง เพราะน้องไม่ชอบเคลื่อนไหวมากนัก จึงไม่ต้องใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายมาก เพียงแค่หาลูกบอลสักหนึ่งลูก เอาไว้ให้น้องเล่นในห้องพัก ก็จะช่วยให้น้องได้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเพียงพอต่อวันแล้ว

3. French Bulldog (เฟรนช์ บูลด็อก)

French Bulldog เฟรนช์ บูลด็อก
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 11 กก.
  • ส่วนสูง: 30 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 9 – 11 ปี
  • ลักษณะนิสัย: อามรณ์ดี เป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่าย ขี้เล่น เรียกร้องความสนใจเก่ง
  • การเห่า: เห่าไม่ดังและเห่าน้อย
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายน้อย

เฟรนช์ บลูด็อก ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัข ที่เหมาะกับการเลี้ยงไว้ในคอนโดเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้องเป็นสุนัขที่มีลำตัวเล็ก รูปร่างกำยำ จมูกสั้นและใบหน้าย่น ส่วนบริเวณลำตัวของน้องก็มีขนที่สั้น ทำให้น้องไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องขนหลุดร่วงเท่าไหร่นัก ส่วนอุปนิสัยที่โดดเด่นของน้อง จะเป็นสุนัขที่อามรณ์ดี เฟรนด์ลี่ เข้ากับคนได้ง่าย และมีความไหวตัวอยู่ตลอดเวลา หากน้องเจอสิ่งผิดสังเกต น้องก็จะเห่าออกมาตามสัญชาตญาณ แต่น้องจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ เหมาะแก่การเลี้ยงไว้ดูเล่นในคอนโดเป็นอย่างมาก

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟรนช์ บูลด็อก >>

4. Maltese (มอลทีส)

Maltese มอลทีส
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 2 – 5 กก.
  • ส่วนสูง: 20 – 25 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 12 – 15 ปี
  • ลักษณะนิสัย: นิสัยน่ารัก ร่าเริง เฉลียวฉลาด ซื่อสัตย์ เป็นมิตรกับทุกคน
  • การเห่า: เห่าไม่ดัง แต่เห่าบ่อย ต้องได้รับการฝึก
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายน้อย

มอลทีส จัดเป็นสุนัขพันธุ์ทอยที่มีนิสัยน่ารัก ร่าเริงมีความเฉลียวฉลาด ซื่อสัตย์ เป็นมิตรกับทุกคน และชอบวิ่งเล่นซุกซนตลอดทั้งวัน อีกทั้งน้องยังเป็นสุนัข ที่ต้องการได้รับความอบอุ่นจากเจ้าของอยู่ตลอดเวลา หากปล่อยน้องทิ้งไว้ตามลำพัง น้องก็จะเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ ดังนั้น ถ้าหากเราจะเลี้ยงมอลทีสไว้ในคอนโด เราสามารถฝึกให้น้องเห่าในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ การที่น้องเป็นสุนัขที่มีความรอบรู้ และช่างสังเกต ผู้เลี้ยงควรหากิจกรรมฝึกทักษะให้น้องเล่นอยู่ในบ้าน เช่น เกมตามล่าหาของ, เกมซ่อนแอบ หรือเกมดึงเชือก ก็จะช่วยให้น้องเกิดการพัฒนาทางด้านร่างกาย และสมองได้ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับมอลทีส>>

5. Havenese (ฮาวาเนส)

Havenese ฮาวาเนส
Photo by: Unsplash.com
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 3 – 6 กก.
  • ส่วนสูง: 20 – 28 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 13 – 15 ปี
  • ลักษณะนิสัย: แสนรู้ ขี้สงสัย ร่าเริง เข้ากับคนง่าย มีความกระตือรือร้น
  • การเห่า: เห่าไม่ดังและเห่าน้อย
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายน้อย

ฮาวาเนส ถือเป็นสุนัขที่จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขบิชอง โดยน้องฮาวาเนสจะมีลำตัวสั้น และมีขนที่หนาถึง 2 ชั้น อีกทั้งยังมีขนหลากหลายสี เช่น สีทอง สีดำ สีน้ำเงิน และสีเงิน ส่วนลักษณะนิสัยของน้องจะเป็นสุนัขแสนรู้ ขี้สงสัย ร่าเริง เข้ากับคนง่าย และมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก แถมน้องยังเป็นสุนัขเฝ้าระวังที่ดีอีกด้วย แต่ถ้าผู้เลี้ยงไม่ได้ฝึกอบรมน้องให้ดี น้องก็อาจจะเห่าบ่อยจนเกินไป แต่ด้วยความที่น้องมีขนาดตัวเล็ก จึงไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายมากเท่าไหร่นัก สำหรับเกมที่แนะนำให้เล่นควรเลือกเป็น เกมฝึกพัฒนาสมอง อย่างเช่น เกมจิ๊กซอว์ หรือจะฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้กับน้องด้วยเกมชักเย่อ ก็จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับผู้เลี้ยงและสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี

6. Shih Tzu (ชิสุ)

Shih Tzu ชิสุ
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 4 – 7 กก.
  • ส่วนสูง: 20 – 28 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 10 – 16 ปี
  • ลักษณะนิสัย: ร่าเริง กระตือรือร้น ใจเย็นมาก
  • การเห่า: เห่าไม่ดังและเห่าน้อย
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายค่อนข้างมาก สามารถพาน้องออกไปเดินเล่นข้างนอกแค่วันละ 1 ชั่วโมง

ชิสุ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยน้องชิสุจะเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีดวงตาสีดำสนิท จมูกเล็กแบน มีปากสั้น และลำตัวของน้องจะปกคลุมไปด้วยเส้นขนยาวถึง 2 ชั้น อุปนิสัยทั่วไปของน้องจะเป็นสุนัขที่มีความร่าเริง กระตือรือร้น และมีความใจเย็นมาก ที่สำคัญน้องชิสุยังเป็นสุนัขที่ไม่ชอบเห่า และสามารถเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าน้องจะสามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ได้  แต่ถึงอย่างไร ชิสุก็ยังเป็นสุนัขที่ชอบเดิน และชอบเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ ทางที่ดีหากมีเวลาว่างควรพาน้องไปเดินเล่นรอบสวนสาธารณะบ้าง ก็จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้กับน้องได้เป็นอย่างดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการเดินในสภาพอากาศที่ร้อนจัด เพราะอาจทำให้น้องเป็นลมแดดได้ง่าย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิสุ>>

7. Boston Terrier (บอสตัน เทอร์เรียร์)

Boston Terrier บอสตัน เทอร์เรียร์
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 12 กก.
  • ส่วนสูง: 30 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 13 – 15 ปี
  • ลักษณะนิสัย: ขี้เล่น เฉลียวฉลาด มีความอดทนสูง เป็นมิตรกับเด็กและแมว 
  • การเห่า: เห่าเสียงดัง แต่เห่าไม่บ่อย ต้องได้รับการฝึก
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายมาก สามารถพาน้องออกไปเดินเล่นข้างนอกแค่วันละ 1 ชั่วโมง

หากใครกำลังมองหาสุนัข ที่สามารถเลี้ยงคู่กับแมวได้ เราขอแนะนำให้คุณลองเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์บอสตัน เทอร์เรียร์ เนื่องจากน้องเป็นสุนัขที่มีความขี้เล่น มีความอดทนสูง เฉลียวฉลาด เป็นมิตรกับเด็กและแมว จึงทำให้น้องถือเป็นสุนัขคู่ใจของใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่ต้องเลี้ยงสุนัขไว้ในคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด และไม่ค่อยมีเวลาว่าง ก็สามารถปล่อยน้องทิ้งไว้ตามลำพังได้มากถึง 8 ชั่วโมง ส่วนกิจกรรมยามว่างของน้องจะชอบฝังกระดูกไว้ใต้หมอน และการไล่เก็บของต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้น ด้วยความที่น้องเป็นสุนัขที่มีพลังงานสูง หากให้น้องได้เคลื่อนไหวร่างกายเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ อย่างเช่น การพาน้องเดินรอบสวนสาธารณะ หรือการหาของเล่นที่ช่วยฝึกทักษะให้กับน้อง ก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อหนึ่งวันแล้ว

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบอสตัน เทอร์เรียร์>>

8. Pekingese (ปักกิ่ง)

Pekingese ปักกิ่ง
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 3 – 6 กก.
  • ส่วนสูง: 15 – 23 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 13 – 15 ปี
  • ลักษณะนิสัย: ขี้เล่น รักสนุก เข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ได้ดี
  • การเห่า: เห่าเสียงดัง แต่เห่าไม่บ่อย ต้องได้รับการฝึก
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายน้อย

สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ถือเป็นสุนัขที่ผู้คนนิยมนำมาประกวด เนื่องจากน้องเป็นสุนัขที่มีขนยาวสลวย และมีลำตัวที่กำยำ โดยนิสัยของน้องจะมีความขี้เล่น รักสนุก และสามารถเข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ได้ดี น้องเป็นสุนัขที่ใจเย็น สงบเสงี่ยม จึงเหมาะกับผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโด แต่น้องจะเห่าดังในเวลากลางคืน ถ้าน้องรู้สึกกลัวหรือมีภัยอันตรายเข้ามา ดังนั้นผู้เลี้ยงควรฝึกให้น้องเห่าในเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากน้องเป็นสุนัขที่มีลำตัวเล็ก ทำให้น้องมีพลังงานในร่างกายต่ำ และไม่ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรืออยู่ในที่อับชื้นได้นาน หากต้องการให้น้องออกกำลังกาย ก็ควรพาน้องเดินเล่นรอบห้อง หรือให้น้องได้คลุกคลีกับสุนัขตัวอื่น ๆ บ้าง จะช่วยให้น้องมีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นได้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปักกิ่ง>>

9. Basset Hound (บาสเซ็ต ฮาวด์)

Basset Hound บาสเซ็ต ฮาวด์
ข้อมูลสายพันธุ์สุนัข
  • น้ำหนัก: 20 – 34 กก.
  • ส่วนสูง: 30 – 38 ซม.
  • ช่วงชีวิต: 10 – 12 ปี
  • ลักษณะนิสัย: รักสงบ อ่อนโยน เป็นมิตรกับคนได้ง่าย
  • ความดังในการเห่า: เห่าดังแต่เห่าน้อย
  • การใช้พื้นที่: ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายค่อนข้างมาก สามารถพาน้องออกไปเดินเล่นข้างนอกแค่วันละ 1 ชั่วโมง

บาสเซ็ต ฮาวด์ จัดเป็นสุนัขที่มีลำตัวยาว ใบหูยาว กระดูกใหญ่ แต่ขาสั้นเตี้ย ส่วนมากสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสีดำปนกับสีขาว ซึ่งน้องหมาพันธุ์นี้ถือเป็นสุนัขสายเลือดนักล่า และมีจมูกที่ไวต่อกลิ่น ส่วนนิสัยของน้องจะเป็นสัตว์รักสงบ อ่อนโยน เป็นมิตรกับคนได้ง่าย จึงเหมาะแก่การนำมาเลี้ยงไว้ในคอนโด แต่บางครั้งการให้น้องอุดอู้อยู่ในคอนโดเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้น้องมีรูปร่างที่อ้วนได้ง่าย ดังนั้นผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านอยู่เป็นประจำ ก็จะช่วยให้น้องมีร่างกายที่สมส่วนได้นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบาสเซ็ต ฮาวด์>>

สายพันธุ์สุนัขเล็กที่คนอยู่คอนโดควรหลีกเลี่ยง

สำหรับสายพันธุ์สุนัขเล็กที่ไม่เหมาะจะอาศัยอยู่ในคอนโด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลในเรื่องของเสียง, พลังงาน, พฤติกรรมและความเป็นอยู่ในพื้นที่ขนาดเล็ก ปัญหาเหล่านี้อาจสร้างความวุ่นวายให้เจ้าของและสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านได้ สุนัขเล็กที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ Chihuahua (ชิวาวา), Beagle (บีเกิล), Dachshund (ดัชชุน) และYorkshire Terrier (ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์) เป็นต้น

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Show Buttons
Hide Buttons