ถ้ากล่าวถึงน้องหมาที่เป็นสายพันธุ์ไทยแท้ เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะนึกถึงเจ้าหมาที่มีขนพาดเรียงอยู่กลางหลังที่สุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์และสะดุดตา หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า “หมาหลังอาน” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่นับว่าหาได้ยากนอกประเทศไทย เพราะมีเจ้าพวกไทยหลังอานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาประมาณ 300 ตัวเท่านั้น
เอาล่ะ พร้อมที่จะทำความรู้จักกับเจ้าหลังอานกันแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว มารู้จักกับประวัติความเป็นมา นิสัยใจคอ และวิธีการดูแลเจ้าหมาไทยหลังอานกับ Nongpets กันเลย
ต้นกำเนิดของไทยหลังอาน
เจ้าหมาไทยหลังอาน มีต้นกำเนิดในประเทศไทย เป็นสุนัขสายพันธุ์โบราณที่แทบไม่มีข้อมูลหรือเอกสารใดที่บันทึกเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเจ้าพวกนี้อยู่เลย แต่เท่าที่มีข้อมูลบันทึกไว้เก่าแก่ที่สุดเรื่องราวของสุนัขไทย คือบันทึกในสมุดข่อยโบราณ สมัยพระเจ้าทรงธรรม แห่งกรุงศรีอยุธยาราว พ.ศ.2170 ประมาณ 382 ปีมาแล้ว ในสมัยก่อนเจ้าหมาไทยหลังอานมักติดตามชาวบ้านออกไปช่วยล่าสัตว์ด้วย เพราะวิ่งได้เร็ว แต่ในบางครั้งอาจได้ยินคนเรียกน้องว่า “หมาตามเกวียน” ตามลักษณะที่น้องวิ่งตามเกวียนของเจ้าของเวลาเดินทาง และนิยมใช้น้องในการเฝ้ายามเพราะมีความระแวดระวังคนแปลกหน้า
บ้างก็บอกว่ามีหลักฐานจากสิ่งประดิษฐ์โบราณที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าพวกหลังอานมีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่เกาะที่แยกตัวออกมาทางตะวันออกของประเทศไทย เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว และเพราะว่าเป็นพื้นที่ที่แยกตัวออกมาจากพื้นที่อื่น ทำให้การเดินทางและการขนส่งนั้นยากลำบาก จึงทำให้สายพันธุ์ของเจ้าหลังอานแทบไม่มีการผสมข้ามพันธุ์กับสุนัขพันธุ์อื่นๆเลย เรียกได้ว่าคงความเป็นพันธุ์แท้ไว้แทบจะ100% จึงเป็นที่เชื่อกันว่าเจ้าสุนัขไทยหลังอานนี้เป็นสุนัขพันธุ์แท้ไม่กี่พันธุ์บนโลก
ลักษณะของไทยหลังอาน
ลักษณะทางกายภาพ
- ส่วนสูง : เพศผู้ 56 – 60 เซนติเมตร เพศเมีย 51 – 56 เซนติเมตร
- น้ำหนัก : 20 – 34 กิโลกรัม
- สายพันธุ์: Hound (สุนัขล่าเนื้อ)
- ขน : ขนสั้น เรียบ
- สีขน : น้องหมาไทยหลังอาน ที่จดทะเบียนไว้กับสมาพันธ์สุนัขโลก (FCI) มี 4 สี คือสีดำ, สีสวาด(เทา), สีกลีบบัว(สีเหลืองอ่อนอมน้ำตาลอ่อน), สีแดง(น้ำตาล – แดง) ส่วนสีอื่นๆที่มีให้เห็นบ้างคือ สีขาว สีเขียว(สีกระรอก) และลายเสือ
- ลักษณะเด่น : ขนบริเณกลางหลังที่มีลักษณะย้อนขึ้นเป็นแนวคล้ายอาน, หูตั้ง
- ช่วงชีวิต: 12 – 14 ปี
นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป
โดยธรรมชาติของสายพันธุ์ไทยหลังอานเจ้าพวกนี้จะมีความสามารถในการเฝ้ายามและล่าโดยแทบจะไม่ต้องฝึกเลย น้องหมาไทยหลังอานมีความซื่อสัตย์และหวงเจ้าของมาก บางทีน้องก็แสดงความดุร้ายออกมาเพื่อปกป้องเจ้านาย
อย่างไรก็ตามน้องๆอาจจะกลายเป็นเจ้าอ้วนตุ้ยนุ้ย น้ำหนักเกินเกณฑ์ได้ง่ายๆเพราะเป็นที่รักของคนในครอบครัวจากความขี้อ้อน เจ้าของจึงต้องหมั่นพาน้องไปเดินเล่นออกกำลังกายบ่อยๆ
นอกจากนี้ น้องจะมีความระมัดระวังกับคนแปลกหน้า น้องมีพลังงานเยอะ และขี้เล่น ชอบเล่นกับครอบครัวของน้อง แต่น้องจะไม่ค่อยเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กสักเท่าไหร่ เด็กที่โตพอและมีความแอคทีฟ ชอบเล่น จะมีเจ้าหลังอานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยหล่ะ
วิธีการเลี้ยงและดูแลไทยหลังอาน
- เพราะว่าต้นกำเนิดของสุนัขไทยหลังอานอยู่ที่ประเทศไทยซึ่งเป็นเขตร้อน ดังนั้นน้องจึงไม่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศที่จัดได้ เวลาที่อากาศเย็นก็ควรให้น้องอยู่ในบ้านหรือพื้นที่ที่มีความอบอุ่น
- น้องหมาไทยหลังอานต้องการการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก ดังนั้นการมีพื้นที่ให้น้องได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย เช่น พื้นที่รอบบ้านที่กว้างพอสนามหญ้า หรือสวนสาธารณะ ก็เป็นสิ่งจำเป็นเหมือนกัน หากน้องไม่ได้รับการออกกำลังกายที่เพียงพอน้องจะหงุดหงิดและเริ่มกัดแทะสิ่งของต่างๆ
- เจ้าไทยหลังอานต้องการเจ้าของที่เข้าใจ เจ้าของต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจ เป็นผู้นำ มั่นคง และใจเย็นเพื่อให้สามารถควบคุมและสอนสุนัขได้ จะต้องมีเวลาให้เพื่อพาน้องไปออกกำลังกาย
- น้องไทยหลังอานไม่ต้องการการเสริมสวยเสริมหล่อมากนัก เพียงแค่การแปรงขนเพื่อกำจัดเส้นขนที่หลุดร่วงก็ช่วยให้ขนเรียงสวยเป็นมันเงาแล้ว เวลาที่น้องสกปรกหรือเริ่มมีกลิ่นเหม็นก็ค่อยพาน้องไปอาบน้ำทำความสะอาด การที่น้องมีขนสั้น หลายๆคนคงคิดว่าอาบน้ำง่าย แห้งเร็ว แต่ในความเป็นจริงคือไม่ควรอาบน้ำบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้ง เพราะการขาดน้ำมันตามธรรมชาติไป
- ควรจะให้น้องได้พบปะและเข้าสังคมกับสุนัขตัวอื่นและผู้คนอยู่เสมอๆตั้งแต่เป็นลูกสุนัขเพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกับคนแปลกหน้า และป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าว
- ด้วยความที่น้องมีขนสั้น เจ้าของจึงต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องผิวหนังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะยุงและเห็บหมัด เพราะเป็นพาหะนำโรคที่อาจทำให้ เจ้าหลังอานป่วยเป็นโรคได้
- อาหารของไทยหลังอาน
เพราะน้องมีร่างกายที่แข็งแรงและมีพลังสูง อาหารที่ต้องการจึงเป็นอาหารเม็ดที่มีคุณภาพ อาหารควรเป็นสูตรเฉพาะที่เหมาะกับระดับกิจกรรมและช่วงวัยของน้อง อาหารที่เป็นแบบแห้ง เช่น อาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยในเรื่องของสุขภาพในช่องปาก เพราะอาหารที่เป็นแบบเปียกจะก่อให้เกิดการผุกร่อนของฟัน, การติดเชื้อทางเหงือก และเกิดกลิ่นปากได้
สุขภาพของไทยหลังอาน
น้องหมาไทยหลังอานค่อนข้างเป็นสุนัขที่แข็งแรง แต่ก็มีอัตราการเกิดโรคดังต่อไปนี้
1. Hip dysplasia : โรคข้อสะโพกเสื่อม
2. Dermoid sinus : โรคที่เกิดจากการย้อนของขน ซึ่งงอกขึ้นผิดทางโดยเป็นอาการของขนที่ไม่งอกออกขึ้นมาจากผิวหนัง แต่จะงอกแทงลงไปในกระดูกสันหลัง
3. โรคพยาธิในเม็ดเลือด : อันเกิดจากเห็บหมัด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยเป็นแบบร้อนชื้น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเห็บหมัด ทำให้เกิดสภาวะโลหิตจาง
และอาจพบปัญหาสุขภาพที่รุนแรงเล็กน้อย เช่น
โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ, โรคมะเร็งชนิด Hemangiosarcoma, โรค Panosteitis, โรควอนวิลลิแบรนด์, โรคไขสันหลังเสื่อม, เนื้องอกร้าย, กระจกตาอักเสบเรื้อรัง, โรคผิวหนัง, ภูมิแพ้ผิวหนัง, , โรคต้อกระจก, ฝีบริเวณทวารหนัก ฯลฯ นอกจากนี้เยอรมัน เชพเพิร์ดยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเชื้อราที่เกิดจากเชื้อราชนิด Aspergillus
ข้อควรจำ
การเลือกซื้อเจ้าสุนัขไทยหลังอาน คือ
- ลูกสุนัขควรมีอายุอย่างน้อย 2 เดือน
- เลือกตัวที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยดูจากลักษณะทั่วๆไป เช่น สังเกตดวงตาว่าตาของน้องจะต้องใส ไม่มีฝ้าขาวหรือขี้ตา
- เหงือกมีสีชมพูแดงเรื่อๆ ไม่ขาวซีด
- ฟันสีขาวน้ำนม ไม่เป็นสีเหลืองอ่อน
- จมูกชื้น ไม่แห้งและไม่มีน้ำมูก
- หูสะอาดแห้ง ไม่มีกลิ่น
- ขนสั้น หลังอาน
- หางต้องตั้งตรง เพราะเมื่อน้องโตขึ้นหางจะยิ่งม้วนเข้า หากหางม้วนตั้งแต่เด็กๆ เมื่อโตขึ้นอาจจะม้วนจนติดหลัง ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นควรเลือกตัวที่หางตั้งตรงมากที่สุด
- ลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 2 เดือน หูอาจจะยังตกอยู่ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อก็ควรหลีกเลี่ยงลูกสุนัขหูตก
ไทยหลังอานกับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
เจ้าสุนัขไทยหลังอานสามารถเข้ากับเด็กๆได้ดี โดยเฉพาะกับเด็กที่เริ่มโตพอจะเล่นกับน้องได้ เรียกว่าแทบจะเป็นเพื่อนเล่นกันได้เลย และการที่เด็กกับน้องหมาได้เล่นด้วยกันจะเป็นการให้น้องหมาได้ออกกำลังกายไปในตัว ส่วนเด็กเล็กหรือวัยหัดเดินกับเจ้าหลังอานที่อยู่ในวัยลูกสุนัขก็อาจจะวุ่นวาย ควบคุมยาก หรือถ้าเป็นเจ้าหลังอานวัยโตก็อาจจะโดนกระแทกล้มโดยไม่ได้ตั้งใจ