Siberian husky

ไซบีเรียนฮัสกี้ (Siberian husky) – ข้อมูลสายพันธ์ุ, ลักษณะนิสัย, วิธีการเลี้ยงดู

น้องหมาขนหนาที่มีสีและลายแตกต่างกัน บางตัวก็มีตาสีฟ้าหรือตาสองสี หน้าตาละม้ายคล้ายหมาป่า ที่มาพร้อมกับความแสบซนและฉลาด ความสวยงามโดดเด่นที่ดึงดูดสายตาของน้อง “ไซบีเรียนฮัสกี้” น้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในพื้นที่อันหนาวเหน็บ

ใครที่อยากรับเลี้ยงเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้ และอยากรู้ว่าน้องเหมาะกับเราหรือเปล่า Nongpets จะพาน้องไซบีเรียนฮัสกี้มาให้ทุกคนได้รู้จักมากขึ้นกัน

ประวัติความเป็นมาของไซบีเรียนฮัสกี้

เจ้าสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์โดยชาวชุกชี ซึ่งเป็นชนเผ่าอาศัยอยู่แถบไซบีเรีย ต้นกำเนิดของสายพันธุ์นั้นไม่ค่อยจะชัดเจนมากนัก แต่ผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ แสดงให้เห็นว่าเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์สุนัขที่เก่าแก่ที่มีการเพาะเลี้ยงมาตั้งแต่โบราณ ชาวชุกชีใช้เป็นหมาลากเลื่อนที่บรรทุกของหนักและต้องเดินทางไกล และผูกพันธ์กันเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวเพราะหลายครั้งที่เจ้าไซบีเรียนฮัสกี้มักจะนอนหลับไปพร้อมกับเด็กๆ หรือเจ้าของมักจะจัดที่นอนอุ่นๆสบายๆไว้ให้เจ้าหมาเสมอๆ

ไซบีเรียนฮัสกี้ถูกนำเข้ามาในอลาสก้าเมื่อต้นปี 1900 เพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันวิ่งระยะทางไกล โดยเฉพาะใน All-Alaska Sweepstakes (AAS) โดยเป็นการแข่งขันสุนัขลากเลื่อนทางไกลเป็นระยะทาง 408 ไมล์ หลังจากนั้นก็เป็นที่รู้จักในชื่อ “ไซบีเรียน” หลังจากที่ทุกคนรู้จักแหล่งกำเนิด น้องเริ่มเป็นที่รู้จักจากความสามารถในการลากเลื่อน เริ่มมีการใช้น้องในการส่งจดหมายและใช้แข่งขัน

ในปี 1925 ผู้คนในเมืองโนม, อลาสก้า ต้องเผชิญกับโรคคอตีบในช่วงกลางฤดูหนาว ยารักษาเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างเร่งด่วน จึงทำให้คนบังคับเลื่อน 20 คน และสุนัขลากเลื่อนกว่า 150 ตัวแบ่งทีมและวิ่งส่งต่อกันเป็นผลัดๆ ขนยารักษาจากเมืองแองเคอเรจไปถึงเมืองโนมภายใน 6 วัน เป็นระยะทางกว่า 700 ไมล์ ในอุณหภูมิกว่า -40 องศา เหตุกาณ์นี้ทำให้สุนัขและผู้บังคับเลื่อนโด่งดังเป็นอย่างมาก และเหตุการณ์นี้ได้ชื่อว่า “Great Race Of Mercy” ทำให้มีการสร้างรูปปั้นสุนัขหัวหน้าฝูงที่วิ่งนำทีมลากเลื่อนผลัดสุดท้าย ชื่อ บัลโต(Balto) เป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์ช่วยชีวิตครั้งสำคัญ รูปปั้นเจ้าบัลโตตั้งอยู่ในเซ็นทรัลพาร์ค ในรัฐนิวยอร์ค และเหตุการณ์นี้ยังได้ถูกนำไปสร้างเป็นแอนิเมชั่นในปี 1995 อีกด้วย

สุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ตัวสุดท้ายถูกนำออกจากไซบีเรียในปี 1930 เมื่อพรมแดนถูกปิดโดยรัฐบาลโซเวียต สายพันธุ์ยังคงเจริญเติบโตต่อในอเมริกาเหนือ ถึงแม้ว่าสายพันธุ์ของเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากรากฐานสายพันธุ์เดิมที่เป็นสุนัขลากเลื่อนของชาวชุกชี แต่ไซบีเรียนฮัสกี้ก็ยังคงหลายๆมาตรฐานที่ดีของสายพันธุ์เอาไว้

ลักษณะของไซบีเรียนฮัสกี้

ลักษณะทางกายภาพ

  • ส่วนสูง : เพศผู้ 53.5 – 60 เซนติเมตร เพศเมีย 50.5 – 56 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก : เพศผู้ 20.5 – 28 กิโลกรัม เพศเมีย 15.5 – 23 กิโลกรัม
  • สายพันธุ์​: สุนัขใช้งาน
  • ขน : ขน 2 ชั้น ขนชั้นในหนาและแน่น ขนชั้นนอกยาวตรง
  • สีขน : มีหลายสีและหลายลวดลาย ตั้งแต่สีดำไปถึงสีขาว
  • สีตา : สีฟ้า, สีน้ำตาล,หรือมีตาข้างละสีในตัวเดียว
  • ช่วงชีวิต: 11 – 13 ปี

นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

เจ้าไซบีเรียนฮัสกี้เป็นสุนัขที่ฉลาดและค่อนข้างรักอิสระ หัวดื้อ เป็นมิตรกับทุกๆคนทั้งเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่เติบโตมาด้วยกัน นอกจากนี้ น้องยังเป็นมิตรแม้แต่กับคนแปลกหน้า ดังนั้นไม่ขอแนะนำถ้าจะเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้ไว้เฝ้าบ้าน

ไซบีเรียนไม่ชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยว อย่าปล่อยน้องให้อยู่ตัวเดียวนานๆและน้องชอบที่จะอยู่กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ น้องไซบีเรียนฮัสกี้ยังเป็นเจ้านักขุด โดยเฉพาะในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อน เพราะน้องจะขุดสร้างที่นอนเย็นๆ และน้องจะไม่ค่อยเห่าแต่จะหอนมากกว่า

วิธีการเลี้ยงและดูแลไซบีเรียนฮัสกี้

  • น้องเป็นสุนัขที่มีพลังเยอะ ดังนั้นน้องจึงต้องการการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 – 60 นาที เพื่อไม่ให้น้องเบื่อ หรือถ้าเจ้าของจะออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งก็สามารถพาน้องไปวิ่งพร้อมกันได้ด้วย แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนมากๆก็ไม่ควรพาน้องออกไปข้างยอกดีกว่า
  • ถ้าเจ้าของจะพาน้องไปออกกำลังกายก็ควรให้น้องได้กินอาหารก่อนออกไปเล่นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันเจ้าของก็ควรจะรออย่างน้อย 30 นาที ก่อนที่จะให้น้องหมากินอาหารหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารได้
  • น้องสามารถวิ่งได้เร็วและนาน ดังนั้นควรผูกสายจูงให้แน่นหนาเวลาพาน้องออกไปข้างนอก ถ้าปล่อยให้น้องวิ่งอย่างอิสระหรือหลุดไปล่ะก็ วิ่งไล่จับกันไม่ทันแน่ๆและน้องอาจจะพลัดหลงได้
  • น้องไม่ค่อยถูกกับอากาศร้อน ถ้าพื้นที่ที่เจ้าของและน้องหมาอาศัยอยู่มีอุณหภูมิแตะ 26 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะเลี้ยงน้องสายพันธุ์น้ี
  • ไซบีเรียนฮัสกี้เป็นน้องหมาที่สะอาดและชอบใช้เวลาไปกับการเลียขนทำความสะอาดตัวเองเหมือนกับแมว น้องจะไม่ค่อยมีกลิ่นและไม่ต้องอาบน้ำให้บ่อยๆ เว้นแต่ว่าน้องลงไปคลุกดินคลุกสิ่งสกปรกมา หรือเจอกระโดดลงไปเล่นในน้ำสกปรก ก็พาน้องไปอาบน้ำได้เลย เลือกสบู่อาบน้ำของสุนัขที่มีคุณภาพเพื่อขนและผิวหนังที่สุขภาพดี
  • เพราะน้องมีขนเยอะดังนั้นก็จะร่วงเยอะเป็นธรรมดา ถ้าไม่นับขนหลุดร่วงที่เราต้องเจอทุกวัน ปกติแล้วน้องจะผลัดขนปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นควรแปรงขนให้น้องทุกวัน และอาจจะใช้เวลามากกว่า 30 นาทีในช่วงที่น้องผลัดขน

อาหารของไซบีเรียนฮัสกี้

ลักษณะนิสัยการกินของเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้ค่อนข้างแตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ คือ น้องจะไม่ตะกละหรือมีท่าทางหิวกระหายเมื่อถึงเวลาอาหาร ถึงแม้จะมีอาหารอยู่ตรงหน้าน้องก็จะไม่กินถ้าไม่รู้สึกหิว แต่ถ้าน้องได้ออกกำลังกายมากน้องก็จะกินมากขึ้น 

เพราะว่าเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อใช้งานในพื้นที่หนาวจัดที่ไม่มีอาหารมากนัก น้องจึงมีการเผาผลาญที่รวดเร็ว การให้อาหารที่มีคุณภาพดีนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะตอนที่น้องอายุระหว่าง 2 – 9 เดือน เพราะเป็นช่วงเวลาเติบโตของน้อง

อาหารแบบไหนที่ควรให้ไซบีเรียนฮัสกี้

ไซบีเรียนฮัสกี้สามารถกินอาหารสดได้ รวมไปถึงอาหารสุนัขสำเร็จรูปทั้งชนิดเปียกและแห้ง แต่ไม่แนะนำให้ให้อาหารน้องทั้งสองแบบ(แห้งและเปียก)พร้อมกันในมื้อเดียว เพราะอาหารใช้เวลาย่อยที่ต่างกัน

การที่น้องได้กินอาหารสด เช่น เนื้อไก่, เนื้อวัว, เนื้อแกะ, ปลา, ผัก และผลไม้ จะทำให้น้องสุขภาพดี แต่ว่าการให้อาหารสำเร็จรูปจะประหยัดมากกว่า และยังสามารถตักให้น้องได้ง่ายๆและสามารถเก็บไว้ได้นาน

สุขภาพของไซบีเรียนฮัสกี้

 โดยทั่วไปแล้วเจ้าไซบีเรียนค่อนข้างที่จะสุขภาพแข็งแรง แต่ก็เหมือนกับสุนัขทุกๆสายพันธุ์ที่มีแนวโน้มจะป่วยเป็นโรคได้ โรคที่พบบ่อยคือ

  1. โรคต้อกระจก : Cataracts 
  2. โรคกระจกตา(ทางพันธุกรรม)ในสุนัข : Corneal Dystrophy
  3. การเสื่อมของจอประสาทตา : Progressive Retinal Atrophy (PRA)
  4. โรคข้อสะโพกเสื่อม : Hip Dysplasia

ไซบีเรียนฮัสกี้ กับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

น้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้สามารถเลี้ยงได้ในครอบครัวที่มีเด็ก น้องมีความอดทนกับเด็กมากๆ แต่ก็เหมือนสุนัขทุกๆตัวเวลาอยู่กับเด็ก ต้องมีคนคอยดูแลอยู่ด้วย

น้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้สามารถเข้ากับหมาตัวอื่นๆได้ แต่ว่าอย่าลืมที่จะพาน้องไปพบปะกับเพื่อนหมาตัวอื่นๆตั้งแต่ยังเด็กเพื่อให้น้องคุ้นเคยกับหมาและคน 

สิ่งหนึ่งเจ้าของต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า น้องมีต้นกำเนิดมาจากไซบีเรีย สภาพแวดล้อมที่แสนทรหดทำให้น้องมีสัญชาตญาณในการล่าเหยื่อสูงเพราะที่นั่นอาหารหายาก ทำให้ปัจจุบันน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้หลายๆตัวยังคงมีสัญชาตญาณนี้อยู่ น้องจะชอบไล่จับสัตว์เล็กๆ เช่น กระรอก, กระต่าย และแมว แต่ก็เป็นแค่บางตัวเท่านั้น เพราะน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ที่ถูกเลี้ยงในครอบครัวที่มีสัตว์หลายประเภท ถ้าเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่น้องยังเป็นลูกสุนัข น้องก็จะคุ้นเคยกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Show Buttons
Hide Buttons