ขึ้นชื่อว่าแมวขนสวย รวยเสน่ห์ หลายคนก็ต้องนึกถึงแมวพันธ์ุเปอร์เซียเป็นอันดับแรกแน่นอน ด้วยลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ ตาโต แก้มป่อง และที่สำคัญขนยาวฟูสวยงาม ใครๆเห็นแล้วก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักของน้อง
ส่วนใครที่อยากจะทำความรู้จักว่าน้องมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร มีประวัติความเป็นมาเป็นอย่างไรรวมถึงวิธีการเลี้ยงดูให้ถูกต้องและเหมาะสมนั้น วันนี้ NongPets จะพามาทำความรู้จักกับแมวเจ้าเสน่ห์นี้กัน
ต้นกำเนิดของแมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียคือหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ มีอายุยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ และโด่งในเรื่องของขนที่สวยยาวงาม ต้นกำเนิดของแมวเปอร์เซียนั้นมาจาก แถบเปอร์เซีย หรือในปัจจุบันก็คือ ประเทศอิหร่านนั่นเอง ในปี ค.ศ. 1626 ชาวอิตาลี ได้นำแมวจากอิหร่านที่มีลักษณะขนยาวหนา และเงางาม เข้ามายังอิตาลี ตั้งแต่นั้นมาแมวพันธุ์นี้จึงเป็นที่นิยมทั่วยุโรป และเป็นที่รู้จักในนามว่า “แองโกร่า”
นอกจากนี้ผู้ที่หลงไหล และชื่นชอบแมวเปอร์เซียยังได้พัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะต่างจากเดิม ซึ่งเป็นลักษณะที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ โดยจะมีลักษณะ หัวกลม, หน้าสั้น, จมูกหัก, แก้มป่อง, หูเล็ก ตัวหนา ขาสั้น และขนยาวกว่าแมวแองโกร่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แมวเปอร์เซียเป็นที่นิยมกว่าแมวแองโกล่าอีกด้วย
แมวเปอร์เซียได้ถูกนำเข้าในอเมริกาในช่วงหลังของศตรวรรษที่ 19 ด้วยลักษณะที่สวยงาม หน้าตาน่ารัก และมีบุคลิกที่เรียบร้อยของสายพันธุ์นี้ ทำให้แมวเปอร์เซียเป็นที่นิยมไปทั่วโลกในปัจจุบัน
ลักษณะของแมวเปอร์เซีย
ลักษณะทางกายภาพ
- น้ำหนัก: เพศผู้ 4-6 กิโลกรัม เพศเมีย 3-5 กิโลกรัม
- ความสูง: 17-30 เซนติเมตร
- ขน: ขนยาว หนา มันวาว
- สีขน: สีขาว สีครีม สีแดง สีน้ำเงิน สีดำ และสีช็อคโกแลต
- ลักษณะเด่น: หัวกลมใหญ่ ตาโต หูเล็ก จมูกสั้น และแก้มป่อง
- ช่วงชีวิต: มีอายุประมาณ 10-15 ปี
นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป
แมวเปอร์เซียนั้นเป็นแมวที่สง่างาม สุขุม เยือกย็น เรียบร้อย น้องจึงไม่เหมาะกับสถานที่ที่มีเสียงดัง และเหมาะที่จะเลี้ยงในคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด ผู้เลี้ยงไม่ต้องกังวลว่าน้องจะเหงาหรือเบื่อทั้งวัน เพราะน้องเป็นแมวที่มีโลกส่วนตัวสูง น้องจึงอยู่คนเดียวได้แบบสบายๆเลยล่ะ
ด้วยความที่น้องเป็นแมวง่ายๆ ไม่เรื่องมาก แค่มีของเล่นแมวต่างๆให้น้องได้เล่นเพลิดเพลิน แค่นี้น้องก็มีความสุขแล้ว และด้วยนิสัยที่รักความสงบของน้อง น้องจะไม่กระโดดวิ่งเล่น ซุกซน และทำลายข้าวของ เรื่องนี้ผู้เลี้ยงวางใจได้เลย น้องเป็นแมวที่ฉลาด มีไหวพริบ หากน้องเห็นว่าเราทำอะไร น้องจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด น้องจะนั่งนิ่งๆรอบนโซฟา รอให้เรามาเล่นด้วย ถึงเวลานั้นน้องจะอ้อนไม่หยุดเลยก็ว่าได้
วิธีการเลี้ยงและดูแมวเปอร์เซีย ให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
หลังจากที่เราเรียนรู้นิสัยของน้องแมวเปอร์เซียมาแล้ว เราก็จะรู้เลยว่าน้องเป็นแมวที่เลี้ยงง่าย การดูแลน้องจึงเป็นเรื่องไม่ยากนัก หากเราใส่ใจและหมั่นดูแลน้องทั้งในเรื่องของกายและใจ น้องก็จะมีสุขภาพดี มีความสุขกับเราตลอดไป
วิธีการเลี้ยงดู
เรื่องการดูแลขนน้องเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงควรให้ความสำคัญอย่างแรก ดั้งนั้นแมวเปอร์เซียจะชอบอยู่ในที่ร่มมากกว่าออกไปทำกิจกกรรมข้างนอก เพราะจะทำให้ขนของน้องสกปรกได้ง่าย และการพาน้องออกไปข้างนอก ทำให้เจอแมวหรือหมาตัวอื่นๆ ด้วยนิสัยของน้องที่รักสงบ ไม่ชอบการต่อสู้ อาจทำให้น้องได้รับอันตรายจากสัตว์ตัวอื่นๆที่พยายามเข้ามาทำร้ายน้องได้
อีกเรื่องที่ควรใส่ใจคือ กระบะทรายหรือห้องน้ำแมว ผู้เลี้ยงไม่ควรปล่อยให้สกปรก และหมั่นรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพราะมิฉะนั้น น้องอาาจะไม่อยากใช้เลยก็ได้
อาหารของแมวเปอร์เซีย
เรื่องของคุณภาพอาหารก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ อาหารที่ควรให้แมวเปอร์เซียนั้นควรเป็นอาหารเม็ดที่มีเกลือต่ำ ซึ่งอาหารเม็ดจะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนมากกว่าการปรุงอาหารให้น้องเอง NongPets แนะนำว่าควรให้อาหารเม็ดที่มีสูตรบำรุงขน เพราะน้องแมวเปอร์เซียเป็นแมวที่ต้องดูแลรักษาขนของน้องอย่างสม่ำเสมอ เรายังสามารถให้อาหารปรุงสุกที่มีเกลือต่ำ สลับกับอาหารเม็ดได้เป็นบางครั้ง
อาหารของลูกแมวเปอร์เซีย: หลังจากที่น้องมีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป และฟันเริ่มขึ้น น้องสามารถเริ่มกินอาหารแมวได้ โดยค่อยๆฝึกให้น้องกินอาหารแห้งผสมอาหารเปียก เพราะจะทำให้น้องกินง่าย และคุ้นรสชาติอาหารเม็ดมากขึ้น แต่ควรจะเป็นสูตรสำหรับลูกแมวโดยเฉพาะ ถ้าหากเราให้สูตรธรรมดา ลูกแมวเปอร์เซียอาจเกิดอาการท้องเสียได้
วิธีดูแลรักษาแมวเปอร์เซีย
การดูแลรักษาความสะอาด
ควรอาบน้ำให้น้องอย่างน้อยเดือนละครั้ง
การดูแลรักษาขนของแมวเปอร์เซีย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าการดูแลรักษาขนของแมวเปอร์เซีย เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราควรหมั่นแปรงขนน้องเป็นประจำทุกวัน เพื่อขนที่สวยงาม และสะอาด ควรเน้นแปรงที่คอ ขา และหาง เพื่อป้องกันขนพันกันเป็นกระจุก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ
สุขภาพของแมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะในส่วนของหน้า เพราะโครงสร้างลักษณะของหน้าน้องนั่นเอง โรคที่อาจจะเกิดขึ้นกับน้อง มีดังต่อไปนี้
- Cherry Eye โรคต่อมของหนังตาที่สามยื่นโพล่ออกมาผิดปกติ
- ระบบหายใจผิดปกติ อาการจะมีหายใจลำบาก หรือหายใจดัง
- Excessive tearing โรคท่อน้ำตาอุดตัน ซึ่งน้องจะมีอาการ น้ำตาไหล และมีคราบน้ำตาแห้งติดอยู่บริเวณรอบๆดวงตา
- Heat sensitivity มีอาการไวต่อความร้อน
- โรคถุงน้ำที่ไต
- โรคกลาก เกิดจากการสะสมเชื้อราบนผิวหนัง
- Seborrhea oleosa โรคผิวหนังที่ก่อให้เกิดอาการ ระคายเคือง มีผื่นแดง และขนร่วง
แมวเปอร์เซียกับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
แมวเปอร์เปอร์เซียเป็นแมวค่อนข้างเงียบและรักสงบ น้องไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว หรือบ้านที่มีหมาเห่าเสียงดัง เพราะอาจทำให้น้องเกิดอาการเครียด และกังวลได้
แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่งดงามทั้งภายนอกและภายใน คงไม่แปลกใจเลยที่ใครหลายคนจะตกหลุมรักน้อง น้องเป็นแมวที่เลี้ยงง่าย ชิวๆ เพราะน้องไม่ชอบสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ใคร น้องเหมาะกับผู้เลี้ยงที่รักความสงบ และดูแลเอาใจใส่น้องเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องขนของน้อง ผู้เลี้ยงควรมีเวลาดูแลรักษาขนของน้องเป็นประจำ เอาล่ะ หลังจากที่อ่านบทความนี้แล้ว ใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะรับเลี้ยงน้อง หวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจได้มากขึ้น