เชื่อว่าแมวของหลายๆคนต่างก็มีนิสัยแตกต่างกันออกไปบางตัวก็กินง่ายอยู่ง่าย บางตัวซื้ออาหารมาให้ก็ไม่เคยถูกใจ บางตัวก็ขี้เบื่อ แต่ท้ายที่สุดแล้วเจ้าของก็ต้องพยายามหาให้เจอว่าน้องแมวชอบกินอะไร อาหารไหนที่น้องแมวกินได้บ้าง เพื่อให้น้องสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสุขภาพดีและมีความสุข
ในบทความนี้จะกล่าวถึงประเภทของอาหารแมวและสิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้ออาหารแมว และแนะนำ 6 อันดับอาหารแมวที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้ออาหารที่ถูกปาก ถูกใจ ได้คุณภาพ และเหมาะกับแมวเหมียวที่บ้าน
6 อันดับอาหารแมวสุขภาพดียอดฮิต
ใครที่ไม่รู้ว่าน้องแมวกินอะไรได้บ้าง หรือจะให้น้องแมวกินอะไรดี NongPets ได้คัดสรร 6 อันดับอาหารแมวคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน!
สินค้าแนะนำจากเรา
สินค้าดีที่สุด (ราคาและคุณภาพ) | ![]() | Neez+ อาหารแมวพรีเมียม คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
คุ้มค่า ราคาสบายกระเป๋า | ![]() | อาหารแมววินสตาร์ อาหารแมวโปรตีนสูง คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ | ![]() | NEKKO อาหารแมวเปียก คลิ๊กสั่งซื้อที่ Lazada คลิ๊กสั่งซื้อที่ Shopee |
1. Royal Canin Hairball Care อาหารแมวแบบเม็ด สูตรป้องกันการเกิดก้อนขน สำหรับแมวโต 1 ปีขึ้นไป

เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาการเกิดก้อนขน อาหารสูตรนี้มีสารอาหารมีปริมาณไซเลียมที่สูง ซึ่งเป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ช่วยดักจับขนไม่ให้สะสมจับตัวกันเป็นก้อน และมีความหล่อลื่นช่วยให้ขนสามารถเคลื่อนที่ออกจากลำไส้ได้ดีขึ้น ช่วยให้น้องแมวไม่ต้องสำรอกหรืออาเจียนกำจัดก้อนขนที่จับตัวกัน แต่เส้นขนจะถูกขับถ่ายออกมากับอุจาระตามปกติ ช่วยกำจัดเส้นขนที่ตกค้างภายในสำไส้
- ราคา: 396 บาท
- ปริมาณ: 400 กรัม
- คุณค่าโภชนาการอาหารที่สำคัญ: โปรตีนสูง มากกว่า 32%
- คุณสมบัติพิเศษ: ดูแลปัญหาก้อนขน
2. NEKKO อาหารแมวเปียกรสทูน่าหน้าไก่ในเกรวี่

สำหรับน้องแมวของใครที่ชอบอาหารแบบเปียกหรืออยากให้น้องแมวลองอาหารใหม่ เราขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะไม่เฉพาะแค่อาหารมีรสชาติอร่อยแค่นั้น แต่ยังเสริมคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อน้องแมว ดังนี้
- DHA จากน้ำมันปลาแซลมอน ช่วยในเรื่องบำรุงสมองและเสริมสร้างระบบประสาท
- พรีไบโอติก ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
- ทอรีน ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น
- วิตามินอี บำรุงผิวหนังและเส้นขนให้มีสุขภาพดี
แถมอาหารตัวนี้ไม่ใส่วัตถุกันเสียและสีสังเคราะห์ ไม่เติมเกลือเพิ่ม รับรองว่าดีต่อสุขภาพน้องแมวแน่นอน!
- ราคา: 14 บาท
- ปริมาณ: 70 กรัม
- คุณค่าโภชนาการอาหารที่สำคัญ: อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินอี ทอรีน และ น้ำมันปลา
- คุณสมบัติพิเศษ: อาหารเปียก กินง่าย เหมาะกับน้องแมวอายุ 4 เดือนขึ้นไป
3. Kaniva (คานิว่า) อาหารแมวโซเดียมต่ำ สูตรเนื้อไก่ ทูน่า

อาหารเหมาะสำหรับน้องแมวทุกสายพันธุ์ อาหารมีส่วนผสมคุณภาพจากน้ำมันปลาแซลมอนซึ่งอุดมไปด้วย Omega-3 มีส่วนช่วยบำรุงขนให้สวยเงางาม และยังอุดมไปด้วยด้วย Omega-6 ที่มีส่วนช่วยบำรุงชั้นผิว สมานเนื้อเยื่อบนชั้นผิว นอกจากนี้อาหารยังปราศจาก Wheat และ Wheat Gluten เหมาะกับน้องแมวที่แพ้กลูเตน เนื่องจากสภาวะร่างกายของน้องแมวหลายสายพันธุ์ไม่เอื้อต่อการรับประทานโปรตีนกลูเตน
- ราคา: 207 บาท
- ปริมาณ: 1,500 กรัม
- คุณค่าโภชนาการอาหารที่สำคัญ: โซเดียมต่ำ และกลูเตนฟรี
- คุณสมบัติพิเศษ: เหมาะสำหรับน้องแมวแพ้ข้าวโพด
4. อาหารแมววินสตาร์ อาหารแมวโปรตีนสูง

อาหารตัวนี้มีโปรตีนสูงถึง 26% ช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อให้แข็งแรง แถมยังมีส่วนผสมของเนื้อปลา บำรุงสายตาและการมองเห็น บำรุงผิวหนังและเส้นขนให้เงางาม นอกจากนี้ยังความเค็มต่ำมากๆ เพื่อป้องกันการเกิดโรคไตที่มักเจอบ่อยในน้องแมว อาหารเหมาะสำหรับแมวโตเต็มวัยอายุ 1 ปีขึ้นไป ทุกสายพันธ์ อาหารมี 3 รสให้เลือกอีกด้วย มีทั้งรส รสทูน่า / รสแซลม่อน / รสซีฟู้ด
- ราคา: 115 บาท
- ปริมาณ: 1,000 กรัม
- คุณค่าโภชนาการอาหารที่สำคัญ: โปรตีนสูง 26% ไขมันต่ำ 9% โซเดียมต่ำกว่า 1%
- คุณสมบัติพิเศษ: บำรุงสายตา บำรุงผิวหนังและเส้นขนให้เงางาม
5. Cat Station อาหาร Freezed Dried ทำจากเนื้อสัตว์แท้ 100%

อาหารในรูปแบบ Freezed Dried นวัตกรรมใหม่อาหารน้องแมว ที่มีการดูดน้ำจากอาหารออกมาเพื่อให้เก้บได้นานขึ้น แต่ยังมีคุณค่าทางอาหารสูง สามารถให้น้องแมวกินเป็นขนมหรือผสมกับอาหารหลัก อาหารตัวนี้มีสามสูตรให้เลือกด้วยกัน และแต่ละสูตรให้คุณค่าทางอาหารที่ต่างกันอีกด้วย
สูตรเนื้อไก่ – เหมาะสำหรับการเพิ่มน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อ มีส่วนช่วยให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อแข็งแรง
สูตรเนื้อเป็ด – เหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาขนหลุดร่วง ช่วยสังเคราะห์ตอลลาเจน และเคราติน ลดปัญหาก้อนขนอุดตัน หรือหลุดร่วง
สูตรเนื้อปลาแซลมอน – เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ทานอาหารน้อย ระบบขับถ่าย และการย่อยอาหาร ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาการทำงานของระบบสืบพันธุ์ และบำรุงสายตา ช่วยเรื่องการมองเห็นในที่มืดให้ดีมากขึ้น
- ราคา: 69 บาท
- ปริมาณ: 20 กรัม
- คุณค่าโภชนาการอาหารที่สำคัญ: มีปริมาณโปรตีนสูง, วิตามินสูง และซิ้งค์สูง
- คุณสมบัติพิเศษ: เหมาะกับน้องแมวที่ทานอาหารน้อย มีปัญหาระบบขับถ่ายและการย่อยอาหาร
6. Neez+ อาหารแมวพรีเมียม รสไก่ สำหรับแมวอายุ 4 เดือนขึ้นไป

อาหารแมวเกรดพรีเมียม ผลิตจากไก่นำเข้า ไม่มีสารเร่งโต ปลอดภัยสำหรับน้องแมว ส่วนประกอบของอาหารผลิตจากเนื้อไก่ถึง 35% นอกจากนี้อาหารเป็นสูตร Grain Free ผสมน้ำมันปลาแซลม่อนในตัว แหล่งรวม โอเมก้า 3-6 ช่วยบำรุงผิวหนังและขน ลดปัญหาขนร่วง ช่วยให้ขนนุ่นเงางาม
- ราคา: 184 บาท
- ปริมาณ: 1000 กรัม
- คุณค่าโภชนาการอาหารที่สำคัญ: มีโปรตีนสูงถึง 35% และโซเดียมต่ำ
- คุณสมบัติพิเศษ: grain free ไม่มีส่วนผสมของข้าวโพด,ถั่วเหลือง,ข้าวสาลี
ประเภทของอาหารแมว
1. อาหารเม็ด
หรือที่เรียกว่าอาหารแห้ง จะมีความชุ่มชื้นในอาหารประมาณ 6 – 10% แตกต่างกันไปในแต่ละสูตร เป็นการนำวัตถุดิบต่างๆมาผสมกันแล้วนำไปอัดรีด จากนั้นตัดให้มีขนาดพอดีคำและอบแห้ง ส่วนมากนิยมเคลือบด้วยตัวเพิ่มรสชาติ เช่น ไขมันสัตว์ เพื่อทำให้อาหารน่ากินยิ่งขึ้น
ข้อดี
- ราคาไม่สูง
- เก็บไว้ได้นาน
- สะดวกสบาย สามารถตวงปริมาณและตักให้แมวได้ง่าย
- ให้พลังงานสูง
- สามารถตักทิ้งไว้ในชามให้แมวกินได้ทั้งวันโดยที่ไม่เน่าเสีย
- ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก การกัดแทะอาหารเม็ดรูปทรงต่างๆจะเป็นการช่วยขัดฟัน นอกจากนั้นอาหารเม็ดบางสูตรยังใส่สารที่ช่วยลดการก่อตัวของหินปูน
ข้อเสีย
- หากซื้ออาหารถุงใหญ่เกินไป เมื่อเปิดถุงแล้วอากาศจะเข้าไปด้านใน ทำให้สารอาหารบางตัวถูกทำลายได้
- อาหารเม็ดสามารถมีลักษณะแห้งเหี่ยวได้ถ้าเปิดถุงนาน 2เดือนขึ้นไป ถึงแม้จะเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิทไม่มีอากาศเข้าก็ตาม และทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นอีกด้วย
- มีคาร์โบไฮเดรตสูงจากสารที่ใช้เคลือบเม็ดอาหาร
- รสชาติและความน่ากินน้อยกว่าอาหารกึ่งเปียกและอาหารเปียก
- ย่อยยากกว่าอาหารเปียกและอาหารกึ่งเปียก
2. อาหารแบบกึ่งเปียก
อาหารประเภทนี้จะมีความชุ่มชื้นในอาหารประมาณ 35% อาหารแบบกึ่งเปียกสูตรที่ไม่มีพืชจะผลิตมาจากเนื้อสัตว์และผลพลอยได้จากเนื้อ ส่วนอาหารกึ่งเปียกแบบทั่วไปจะมีถั่วเหลืองและธัญพืชผสมเป็นส่วนประกอบ ด้วยความที่มีการปรุงรสค่อนข้างเยอะ อาหารกึ่งเปียกจึงเหมาะกับการให้เป็นขนมเป็นครั้งคราว ไม่ควรให้เป็นอาหารหลัก
ข้อดี
- มีความชุ่มชื้นมากกว่าอาหารแห้ง
- ราคาอยู่ในช่วงกลางๆไม่ต่ำและไม่สูงเกินไป
- ย่อยง่าย
- มีรสชาติดี
- ให้แมวได้ง่ายๆ เพียงแค่ฉีกซองและเทใส่ชามอาหาร
ข้อเสีย
- เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์ทิ้งไว้จะทำให้อาหารแห้งหรือมีกลิ่นเหม็น
- มีส่วนผสมของเกลือและน้ำตาลมากกว่าอาหารเม็ดและอาหารเปียก
- หลายๆยี่ห้อใส่สารแต่งสี, สารปรุงรส, และสารกันบูด
3. อาหารแบบเปียก
หรืออาหารกระป๋อง มีความชุ่มชื้นประมาณ 75% ซึ่งเยอะที่สุดในประเภทอาหารทั้งหมด เป็นอาหารที่มีรสชาติดีและถูกปากแมวส่วนใหญ่ เมื่อเปิดแล้วเหลือควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาคุณภาพและป้องกันการเน่าเสีย
ข้อดี
- เพิ่มน้ำและความชุ่มชื้นให้กับร่างกายแมว
- เพราะว่ามีน้ำอยู่เยอะ แมวจึงสามารถกินอาหารเปียกในปริมาณที่เยอะกว่าเพื่อให้ได้แคลอรี่ที่เท่ากับอาหารเม็ด
- เหมาะสำหรับแมวที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ
- มีรสชาติดี
- สามารถเก็บไว้ได้นาน
ข้อเสีย
- มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบปริมาณอาหาร และปริมาณแคลอรี่กับอาหารเม็ด
- อาจทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มฟันอักเสบได้
- อาหารกระป๋องบางยี่ห้อมีสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน
- หากเททิ้งไว้จะเน่าเสียได้
สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้ออาหารแมว
1. ดูอายุและความต้องการพลังงานของแมว
- ช่วงวัยเด็ก
เมื่อลูกแมวเริ่มโตและหย่านมแล้ว ให้เริ่มเปลี่ยนไปให้อาหารสูตรสำหรับลูกแมว แมวเด็กต้องการพลังงานมาก ดังนั้นเราต้องแน่ใจว่าอาหารที่ให้เป็นอาหารสำหรับลูกแมวจริงๆ น้องแมวจะกินอาหารสำหรับลูกแมวจนกระทั่งอายุประมาณ 1 ปี
- ช่วงโตเต็มวัย
แมวโตที่ใช้พลังงานในระดับปกติต้องการอาหารสูตรทั่วไปสำหรับแมววัยโต ควรเลือกอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบในอาหารและควรมีถ้วยน้ำเปล่าวางไว้ใช้แมวได้กินตลอดวัน
- ช่วงสูงวัย
เมื่อแมวมีอายุถึง 7 ปี ต้องเริ่มให้แมวกินอาหารสำหรับแมวสูงวัย ซึ่งเป็นสูตรอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้สามารถไปปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะกับแมวในวัยนี้
2. สภาพร่างกาย
- แมวที่มีร่างกายปกติ
ถ้าแมวมีสุขภาพดี น้ำหนักตามเกณฑ์ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี จุดที่ไม่ควรมองข้ามคือฝึกพฤติกรรมการกินที่ดี แต่ทั้งนี้คำแนะนำที่ระบุอยู่บนฉลากอาหารก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอ ควรไปปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อให้ได้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้อง
- แมวที่มีน้ำหนักมาก
สาเหตุใหญ่ที่ทำให้น้องกลายเป็นแมวอ้วน เพราะปริมาณอาหารที่ควรให้ที่ระบุอยู่บนฉลากอาหารไม่เหมาะสมกับแมว อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่คือ การมีอาหารเม็ดให้แมวกินตลอดทั้งวัน เมื่อแมวอยากกินก็กินได้ตลอด ซึ่งแมวที่มีน้ำหนักมากจะมีความเสี่ยงเป็นโรคตับ, โรคเบาหวาน, และโรคข้ออักเสบ ควรขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารและการดูแลสุขภาพของแมวที่มีปัญหาน้ำหนักมาก
- แมวที่มีร่างกายผอม
แมวร่างกายผอมอาจเป็นสัญญาณของปัญหาใหญ่ เช่น โรคโลหิตจาง หรือ มีพยาธิ ถ้าแมวของคุณกินอาหารแต่น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น หรือแมวมีพฤติกรรมไม่กินอาหารเลย ควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือแมวผอมเพราะไม่ชอบอาหารที่คุณให้และไม่ยอมกินจนทำให้ร่างกายผอม สัตวแพทย์จึงเป็นผู้ที่สามารถบอกได้ว่าแมวมีปัญหาสุขภาพหรือแค่จุกจิกเลือกกิน
3. ปัญหาสุขภาพ
- โรคเบาหวาน
อาหารเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากสำหรับแมวที่เป็นโรคเบาหวาน อาหารเม็ดไม่มีความชื้นมากพอจึงไม่แนะนำ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อจะได้จัดอาหารที่ถูกต้องสำหรับแมวที่เป็นโรคนี้
- โรคไต
หากแมวเป็นโรคไต ต้องให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาหารเม็ดไม่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคไต และควรให้อาหารที่มีปริมาณโปรตีนและฟอสเฟสต่ำ
- ปัญหาสุขภาพอื่นๆ
แมวก็เหมือนมนุษย์ที่สามารถเกิดการแพ้อาหาร, ภูมิแพ้ผิวหนัง, และโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อยๆและเจ้าของต้องระวังเวลาเลือกซื้ออาหาร
4. งบประมาณ
แมวไม่สนใจหรอกว่าอาหารที่กินนั้นราคาแพงลิบลิ่วหรือเป็นปลาต้มธรรมดาๆ เจ้าแมวรู้แค่ว่าอยากจะกินอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นลองนำข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาไปพิจารณาและเลือกซื้ออาหารให้เหมาะสมกับงบที่คุณมี
5. ดูส่วนผสมบนฉลาก
เลือกอาหารที่มีส่วนผสมของทอรีน, น้ำ, วิตามิน, แร่ธาตุ, เอนไซม์, กรดไขมัน, และโปรตีน ไม่ควรเลือกอาหารท่ีมีส่วนผสมของแป้งข้าวโพด หรือมีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และควรดูวันผลิตวันหมดอายุทุกครั้ง
6. เลือกอาหารที่มีโปรตีนเป็นอันดับหนึ่ง
แมวเป็นสัตว์ที่กินเนื้อเป็นหลัก ดังนั้นเนื้อสัตว์จึงเป็นสารอาหารที่จำเป็นในอาหารแมว เวลาเลือกซื้ออาหารจึงควรอ่านส่วนผสม โดยโปรตีนควรอยู่หนึ่งในสามอันดับแรก ซึ่งโปรตีนที่ว่านี้ก็หมายถึงเนื้อสัตว์นั่นเอง เช่น เนื้อไก่, เนื้อปลา