หมาบีเกิล (Beagle) – ข้อมูลสายพันธ์ุ, ลักษณะนิสัย, วิธีการเลี้ยงดู

สำหรับคนรักเจ้าตูบ คงไม่มีใครรู้จักกับบีเกิล เจ้าหมาน้อยแสนรู้ ขี้เล่น ชอบวิ่งเล่นซุกซน เข้าได้ดีกับคนและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ด้วยความที่ตัวเล็กกะทัดรัด บีเกิลจึงเหมาะเป็นสัตว์เลี้ยงของเด็ก และยังเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมในปัจจุบัน 

NongPets จะพามาทำความรู้จักกับเจ้าหมาบีเกิลว่ามีความเป็นมาอย่างไร และวิธีเลี้ยงดูอย่างไรให้ถูกต้อง เพื่อให้น้องหมาของเรามีสุขภาพดี แข็งแรง สดใส และร่าเริง

ต้นกำเนิดบีเกิลมาจากไหน?

ต้นกำเนิดหมาสายพันธ์ุบีเกิลยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานกันว่า ชาวโรมันได้นำสุนัขสายพันธ์ุ Hound ซึ่งเป็นสายพันธ์ุในกลุ่มนักล่า เข้ามายังประเทศอังกฤษ และในภายหลัง บีเกิลได้ขยายพันธุ์เรื่อยๆ จนเป็นที่นิยมในประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องที่ 

เจ้าบีเกิลยังมีความสามารถพิเศษในการไล่ลา โดยเฉพาะล่ากระต่าย พวกเขามีเซ้นส์ในด้านดมกลิ่นที่ไวมาก ดังนั้นจึงเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมของเลี้ยงในกลุ่มนายพราน จุดประสงค์เพื่อช่วยในการล่าเหยื่อนั่นเอง

บีเกิลยังได้ถูกส่งไปที่ประเทศอเมริกา ซึ่งในช่วงแรกๆนั้น บีเกิลที่ถูกส่งไปยังมีรูปร่างไม่ตรงตามแบบมาตรฐานของประเทศอังกฤษ จากนั้นจึงได้มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนมีรูปร่างสวยงาม ตรงตามมาตรฐานของอังกฤษ และเป็นที่ยอมรับ ในปี ค.ศ 1885 American Kennel Club ได้จดทะเบียนรองรับสุนัขสายพันธ์ุบีเกิลอย่างเป็นทางการเป็นตัวแรก

ในปัจจุบันบีเกิลยังเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมทั่วโลก ด้วยความที่เจ้าบีเกิลมีนิสัยน่ารัก เป็นมิตรกับทุกวัย และยังเป็นสุนัขสายพันธ์ุป๊อปปูล่าในประเทศไทยอีกด้วย

ลักษณะของบีเกิล

ลักษณะทางกายภาพ

  • น้ำหนัก:  8-13 กิโลกรัม
  • ความสูง: เพศผู้ 38 เซนติเมตร, เพศเมีย 33 เซนติเมตร
  • สายพันธ์: Hound 
  • ขน: มีลักษณะสั้น และเรียบ 
  • สีขน: มีหลากหลาย แต่โดยทั่วไปจะมีสามสีคือ ขาว ดำ และน้ำตาล ซึ่งสีดำจะอยู่ช่วงลำตัว, สีขาวจะอยู่ในส่วนของอก แผ่นหลังด้านใต้ท้อง ปลายหาง และสีน้ำตาลจะอยู่ในส่วนของหัวและช่วงบนของลำตัว
  • ลักษณะเด่น: หูปรก และหางชี้ขึ้น โค้งเล็กน้อย ส่วนของปลายหางจะมีสีขาว
  • ช่วงชีวิต: มีอายุประมาณ 10-15 ปี

นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

บีเกิลนั้นเป็นที่รู้จักในเรื่องของความสดใส ร่าเริง เป็นมิตร ไม่ก้าวร้าว และยังคล่องแคล่ว ฉลาดแสนรู้อีกด้วย ด้วยความที่มีตัวเล็ก กะทัดรัด จึงไม่แปลกใจเลย ที่เจ้าหมาบีเกิลเป็นที่นิยมทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แถมยังปรับตัวง่ายกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆอีกด้วย 

เจ้าบีเกิลก็อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวบางครั้ง เพราะโดยธรรมชาติแล้ว บีเกิลเป็นสัตว์ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง น้องชอบวิ่งเล่นซุกซนไม่อยู่กับที่ หากปล่อยน้องอยู่ในบ้านเพียงลำพังนานเกินไป น้องก็จะเริ่มแสดงอาการเบื่อ โดยการเห่า หอนจนแสบแก้วหู และถ้าปล่อยทิ้งไว้ในสวนหลังบ้าน น้องก็จะพยายามเริ่มขุดหลุม และหาวิธีหนีออกจากตรงนั้น ดังนั้นเจ้าของต้องคอยดูแลเอาใจใส่  ไม่ให้พวกเขารู้สึกเหงา และโดดเดี่ยว

วิธีการเลี้ยงดูบีเกิล

การเลี้ยงบีเกิลนั้นไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เพราะฉะนั้นเจ้าของต้องรู้จักวิธีเลี้ยงดูน้องอย่างถูกวิธี  และ NongPets ก็จะมาแนะนำตั้งแต่วิธีการเลี้ยงดู การให้อาหาร รวมไปถึงการดูแลรักษาน้องหมา เพื่อให้เจ้าตูบของเรามีสุขภาพดี ร่าเริง และอยู่กับเราไปนานๆ

วิธีการเลี้ยงดู

ต้นกำเนิดของบีเกิลเป็นหมาในสายพันธุ์นักล่า พวกเขาจึงมีพลังงานในตัวสูง และชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นควรพาน้องไปเดินเล่น หรือ jogging อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำกิจกรรม น้องควรมีอายุตั้งแต่ 18 เดือนขึ้นไป แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าน้องจะพลังสูงปรี๊ด กระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อน้องอายุมากขึ้น น้องอาจกลายเป็นหมาขี้เกียจ นอนขึ้นอืดอยู่บ้านทั้งวันเป็นได้ 

เจ้าหมาบีเกิลยังเป็นหมาขี้สงสัย และชอบวิ่งเล่นซุกซน บางครั้งน้องอาจคลาดสายตาเจ้าของไปได้ เพื่อเป็นการป้องกันน้องหายตัว และสามารถติดตามตัวน้องได้ง่ายขึ้น เจ้าของควรจะฝังไมโครชิพ หรือใส่ปลอกคอให้คนอื่นรู้ว่าน้องมีเจ้าของแล้ว

เจ้าหมาบีเกิลยังขึ้นชื่อในเรื่องหมาน้อยขี้ขโมยอาหาร พวกเขาจะพยายามแอบคุ้ยหาอาหารทุกครั้งที่มีโอกาส เจ้าของควรเก็บอาหารไว้เป็นที่ มิฉะนั้นน้องอาจแอบกินจนอ้วนพุงป่องได้

อาหารของบีเกิล

เจ้าหมาบีเกิลเป็นหมาช่างขี้ประจบ ชอบเอาใจเจ้าของ จุดประสงค์เพื่ออาหารแสนอร่อย ส่วนในเรื่องโภชนาการ และปริมาณอาหารขึ้นอยู่กับวัย, ขนาด, การเผาผลาญ และกิจกรรมของน้องในแต่ละวัน เพราะสุนัขก็คล้ายคน พวกเขาต้องการปริมาณอาหารที่พอเหมาะกับร่างกาย และคุณภาพของอาหารยังส่งผลต่อสุขภาพของน้อง ถ้าหากเราให้อาหารคุณภาพดี สารอาหารครบถ้วน น้องก็จะมีแนวโน้มเติบโตแข็งแรงและสมบูรณ์

ปริมาณอาหารที่แนะนำ 

  • อายุ 2-3 เดือน: ควรให้อาหารเม็ดปริมาณ 1 ถ้วยตวงผสมกับอาหารกระป๋อง 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 4 มื้อ
  • อายุ 4-6 เดือน: ควรให้อาหารเม็ดปริมาณ 1 ถ้วยตวงผสมกับอาหารกระป๋อง 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 มื้อ 
  • อายุ 4-12 เดือน: ควรให้อาหารวันละ 2 มื้อ ปริมาณ 1 ถ้วย โดยขึ้นอยู่กับขนาด รูปร่างและกิจกรรมที่ทำแต่ละวันของน้อง
  • ตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป: ควรให้อาหารวันละ 1 มื้อ ปริมาณ 1-½ ถ้วย
  • อาหารต้องห้ามสำหรับบีเกิล เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้องได้ อาหารที่ไม่ควรให้น้อง เช่น อาหารคน เพราะ อาจทำให้น้องติดใจ ไม่อยากกินอาหารเม็ดอีกต่อไป อีกทั้งยังทำให้น้องได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และมีผลกระทบสุขภาพของน้องอีกด้วย, ช็อคโกแลต และ หัวหอม อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้

นม เหมาะสำหรับบีเกิลอายุต่ำกว่า 2 เดือน เพราะหลังจากนั้น ร่างกายสามารถหาแคลเซียมมาทดแทนได้ และอาหารเสริมไม่จำเป็น ถ้าหากน้องไม่มีอาการเจ็บป่วย

วิธีดูแลรักษาบีเกิล

การดูแลรักษาความสะอาด

บีเกิลเป็นสัตว์ที่มีขนสั้น และสีเข้ม ควรอาบน้ำให้น้องอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือถ้าน้องไม่สกปรกมาก แค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวน้อง แล้วเป่าขนให้แห้ง พร้อมกับแปรงขนให้น้องก็เพียงพอ

การรักษาความสะอาดในช่องปาก: ควรแปรงฟันให้น้องอย่างน้อย อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป็นการกำจัดหินปูนและแบคทีเรียในช่องปาก หรือถ้าหากอยากป้องกันโรคเหงือกและกลิ่นปาก การแปรงฟันให้น้องทุกวันก็จะช่วยได้

การตัดแต่งเล็บ: ควรตัดเล็บให้น้องเดือนละ 1-2 ครั้ง วิธีสังเกตถ้าน้องมีเล็บที่ยาวเกินไป ให้สังเกตตอนที่น้องเดินแล้วได้ยินเสียงเล็บกระทบกับพื้น และเจ้าของต้องระมัดระวังตอนตัดเล็บให้น้อง หากตัดลึกเกินไป อาจทำให้เลือดออกได้ เพราะเล็บเท้าของน้องมีเส้นเลือดอยู่ แถมยังทำให้น้องกลัวการตัดเล็บในครั้งต่อไปอีกด้วย หรือถ้าเจ้าของไม่ชำนาญในเรื่องการตัดเล็บให้น้อง ควรพาน้องไปร้านให้ผู้เชี่ยวชาญตัดจะดีกว่า

และอีกเรื่องที่ควรระมัดระวังคือ การรักษาความสะอาดในช่องหู: โดยปกติแล้วน้องมีหูปรก อากาศจะไม่ไหลเวียนผ่านในหูของน้องมากนัก อาจเกิดการติดเชื้อที่หูของน้องได้ ดังนั้น เจ้าของควรตรวจเช็คหูของน้องอย่างน้อยทุกๆ 2 อาทิตย์ และสังเกตหากน้องมีอาการสั่นหัวและเกาหูบ่อยๆ ถ้าน้องมีอาการในลักษณะนี้ไม่ควรให้น้ำหรือน้ำมันสัมผัสในหูของน้อง

การดูแลรักษาขนของบีเกิล

ขนของเจ้าบีเกิลมีลักษณะที่นุ่มและหนา สามารถกันน้ำฝนได้ แปรงขนที่เหมาะสำหรับน้อง ควรเป็นขนาดกลาง ขนแปรงอ่อนนุ่ม หรือจะใช้ Hound glove ถุงมือแปรงขน ใช้แปรงขนน้องอย่างน้อย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้ว กระตุ้นการเกิดขนใหม่ และเพิ่มความเงางามให้แก่เส้นขน 

เจ้าของควรจะหมั่นสังเกตขนและลำตัวของน้องอยู่เป็นประจำ ตรวจดูว่าน้องมีแผล ผื่น รอยแดง หรือ แผลอักเสบบนผิวหนัง, จมูก, ปาก, ตา หรืออุ้งเท้าหรือไม่ ตาของน้องควรใส ไม่มีรอยแดง หรือบวมออกมา

สุขภาพของบีเกิล

โรคที่จะกล่าวถึงนี้ อาจเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับบีเกิล ผู้เลี้ยงควรทำความรู้จักกับโรคเหล่านี้ไว้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับน้องมาของเรา 

  1. Intervertebral Disk Disease โรคหมอนรองกระดูกสันหลังในสุนัข
  2. Hip Dysplasia โรคข้อสะโพกเสื้อมในสุนัข
  3. Cherry Eye 
  4. Glaucoma โรคต้อหินในสุนัข
  5. Progressive Retinal Atrophy (PRA) โรคจอประสาทตาเสื่อมในสุนัข
  6. Distichiasis โรคที่เกี่ยวกับความผิปกติของขนตาในสุนัข
  7. Epilepsy โรคลมชักในสุนัข
  8. Hypothyroidism ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำในสุนัข
  9. Beagle Dwarfism โรคแคระแกร็น คือภาวะร่างกายของบีเกิลแคระแกร็นหรือตัวเตี้ยกว่าปกติ
  10. Chinese Beagle Syndrome (CBS) คือภาวะเท้าในส่วนข้างนอกสั้นกว่าปกติ ส่งผลให้บีเกิลเดินด้วยสองเท้าหน้าเท่านั้น
  11. Patellar Luxation โรคสะบ้าเคลื่อนในสุนัข

บีเกิลกับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

บีเกิลขึ้นชื่อในเรื่องของความ friendly สามารถเข้าได้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็ก แต่ต้องระวังหากคุณมีเด็กเล็กๆ เพราะบีเกิลชอบเล่นโดยใช้ปากงับของต่างๆ โดยเฉพาะมือ แต่เราสามารถสอนน้องไม่ให้ทำได้ สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นสุนัขสายพันธุ์ไหน เราควรสอนเด็กรู้จักปฏิบัติกับสุนัขอย่างถูกต้อง ไม่ควรให้เด็กอยู่ใกล้น้องหมาตอนกิน หลับ และไม่ควรแย่งอาหารออกไปจากน้องเป็นเด็ดขาด

ส่วนความสัมพันธ์ของบีเกิลและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า น้องไม่ชอบอยู่คนเดียว น้องสามารถอยู่รวมกับกับสุนัขสายพันธ์ุอื่นๆได้ รวมไปถึงแมวด้วย

ได้ทำความรู้จักกับเจ้าหมาบีเกิลไปแล้ว ครอบครัวไหนที่ยังตัดสินใจรับเลี้ยงหมามาเลี้ยง หมาบีเกิล น้องก็เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยความฉลาด ขี้เล่น ตัวเล็กกะทัดรัด เข้าได้กับทุกเพศทุกวัย บวกกับหน้าตาที่น่ารักแล้ว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเจ้าหมาน้อยแสนซนนี้ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Show Buttons
Hide Buttons